โรลส์-รอยซ์”แบล็ค แบดจ์” เมื่อความหรูคู่พละกำลัง

ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด จะสร้างสรรค์ยนตรกรรมสั่งทำพิเศษ (บีสโป๊ก) อย่างต่อเนื่องสำหรับกลุ่มลูกค้าคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่พร้อมผลักดันตนเองให้ประสบความสำเร็จ ทีมนักออกแบบ วิศวกร และช่างฝีมือของโรลส์-รอยซ์ ได้เปลี่ยนโฉมโกสต์และเรธให้แตกต่าง มุ่งเน้นตัวตนของแบล็ค แบดจ์ ให้ต่างจากรถยนต์ในสองตระกูลนี้ ตัวอักษร RR ซ้อนทับกันบนกระจังหน้าแบบพาร์เธนอน และสัญลักษณ์ สปีริต ออฟ เอ็กสตาซี ประดับบนฝากระโปรงหน้า สัญลักษณ์ทั้งสองของแบรนด์นี้เคยปรับเปลี่ยนมาก่อนตามสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา ในครั้งนี้สัญลักษณ์สปีริต ออฟ เอ็กสตาซี และตัวอักษร RR ซ้อนทับกัน ไม่เพียงการออกแบบและท่วงท่าใหม่ หรือวัสดุที่เลือกใช้เท่านั้น แต่ยังมาในโทนสีสื่อถึงความลึกลับน่าค้นหาของผู้เป็นเจ้าของ เปลี่ยนให้เป็นหญิงสาวทรงเสน่ห์ด้วยสีดำเงา พร้อมร่ายเวทมนต์อันทรงพลังในยามค่ำคืน ส่วนตัวอักษร RR ซ้อนทับของแบล็ค แบดจ์ ปรากฏในส่วนต่างๆ ของรถ อาทิ ด้านหน้า ด้านข้างและด้านท้าย เปลี่ยนมาเป็นตัวอักษรสีเงินบนพื้นสีดำ พื้นผิวโลหะโครเมี่ยม

โรลส์-รอยซ์-1

 

มูเลอร์-ออทเวิส กล่าวว่า ล้อใหม่ทำจากเส้นใยคาร์บอน และอัลลอยน้ำหนักเบารังสรรค์ขึ้นพิเศษ ได้จากชั้นเส้นใยคาร์บอนถึง 22 ชั้นบนแกนล้อทั้งสาม แต่ละชั้นพับทบที่รอบนอกของขอบล้อเพิ่มเป็น 44 ชั้น และเพิ่มความแข็งแรงด้วยแม็ก ทรีดี ฟอร์ก (3D forged) ดุมล้ออะลูมิเนียมวัสดุเดียวกับที่ใช้สำหรับเครื่องบิน เชื่อมไปยังขอบโดยใช้ตัวยึดไททาเนียม เพิ่มระดับความเข้มของสีดำด้วยการทาสีและลงแลคเกอร์ทับหลายชั้น การขัดเงาด้วยมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกระบวนการลงสีและขัดเงาเป็นวิธีการเดียวกับที่ใช้กับสีพื้น ทำให้ได้สีเข้มและละเอียดลึกที่สุดเท่าที่เคยมีการใช้สีดำบนตัวถังรถยนต์ ลูกค้าสามารถระบุสีที่ต้องการสำหรับการตกแต่งทั้งภายนอกและสีของหนังภายในได้

Advertisement

โรลส์-รอยซ์-3

มูเลอร์-ออทเวิส กล่าวว่า การตกแต่งภายในห้องโดยสารออกแบบให้เข้มขรึมและหรูหราขึ้น ได้รับแรงบันดาลใจจากวัสดุเกี่ยวกับการบินและอวกาศของโรลส์-รอยซ์ พื้นผิวประกอบขึ้นด้วยเส้นใยคาร์บอนและอะลูมิเนียมแบบเดียวกับที่ใช้ในยานอวกาศ พบเห็นได้จากพื้นผิวภายนอกของเครื่องบินทิ้งระเบิดสเตลท์ วัสดุแห่งโลกอนาคตนำมาปรับใช้ที่โรงงานกู้ดวูดเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมนี้ เส้นใยอะลูมิเนียมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 0.014 มิลลิเมตร ถักเข้าด้วยกันก่อนยึดเข้ากับเส้นใยคาร์บอน พื้นผิวของวัสดุนี้เคลือบเงาถึง 6 ชั้น และพักไว้นานถึง 72 ชั่วโมงก่อนขัดเงาด้วยมือให้ได้พื้นผิวใสราวกับกระจก ช่องระบายอากาศแผงหน้าและด้านหลังใช้วิธีการเคลือบผิวแบบ PVD หนึ่งในไม่กี่วิธีในการเคลือบสีโลหะเพื่อให้ทุกชิ้นส่วนไม่ซีดจาง ไม่เปลี่ยนสี และไม่คลายความแวววาวเมื่อเวลาล่วงผ่าน หรือเมื่อใช้งานหลายครั้ง

โรลส์-รอยซ์-4

Advertisement

มูเลอร์-ออทเวิส กล่าวว่า แผงหน้าปัดด้านหน้า ประดับด้วยนาฬิกาแบล็ค แบดจ์ เข็มนาฬิกาปลายสีส้ม ตกแต่งหน้าปัดด้วยสัญลักษณ์อินฟินิตี้ สัญลักษณ์เดียวกับใน แฟนธอม ดรอปเฮด วอเทอร์สปีด รุ่นปี 2014 สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จในการทำสถิติโลกกีฬาทางน้ำของเซอร์ มัลคอม แคมป์เบล เพื่อให้เจ้าของแบล็ค แบดจ์ มีบางสิ่งเหมือนกับเซอร์ แคมป์เบล คือมุมมองความเร็วเป็นสิ่งท้าทาย ไม่ใส่ใจกับขีดจำกัด สัญลักษณ์อินฟินิตี้ยังนำมาเสริมแต่งไว้บนเบาะโดยสาร เป็นการผสมผสานระหว่างหนังสีดำเข้ากับสีม่วงพิเศษ เทเลอร์ด เพอร์เพิล (Tailored Purple) สำหรับโกสต์ แบล็ค แบดจ์ และสีฟ้า โคบัลโต บลู (Cobalto Blue) สำหรับรุ่น เรธ แบล็ค แบดจ์ แสงระยิบจากหลังคาแบบสตาร์ไลต์ และความเงางามของแผงหน้าปัดด้านหน้าสะท้อนประกายวาววับไปทั่วห้องโดยสาร

โรลส์-รอยซ์-2

ฟิลิป โคเฮน ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด กล่าวว่า โกสต์ แบล็ค แบดจ์ ใช้เครื่องยนต์ V 12 ขนาด 6.6 ลิตร กำลังเครื่องยนต์เพิ่มอีก 40 แรงม้า (30 กิโลวัตต์) เป็น 603 แรงม้า (450 กิโลวัตต์) ให้แรงบิดเพิ่มอีก 60 นิวตันเมตร (840 นิวตันเมตร) เมื่อเทียบกับโกสต์รุ่นปัจจุบัน และยกระดับความเร็วด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำให้ตอบสนองการใช้งานในเรื่องพละกำลังได้อย่างรวดเร็ว มีระบบอัจฉริยะ ทรอทเทิล เรสพอน (Throttle Response) ตอบสนองต่อความเร็ว คำนวณค่าด้วยคอมพิวเตอร์ ควบคุมการทำงานของชุดเกียร์อย่างระมัดระวัง เมื่อเหยียบคันเร่งมากกว่า 25% ชุดเกียร์จะตอบสนองและคงตำแหน่งเกียร์ได้นานกว่า และจะเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติที่ระหว่างความเร็ว 200 รอบต่อนาที และ 500 รอบต่อนาทีในเวลาต่อมาขึ้นอยู่กับเกียร์ นอกจากนี้การเข้าเกียร์ต่ำจะช่วยผ่อนการเหยียบคันเร่งให้น้อยลงได้สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ดังใจเพียงเหยียบคันเร่งแค่ 20% ให้ความปลอดภัยสูงในภาวะของการหยุดรถ เมื่อผู้ขับขี่แตะเบรก ชุดเกียร์จะปรับตัวเองโดยการลดเกียร์ลงต่ำ ส่งผลให้การทำงานของเครื่องเป็นตัวช่วยเบรกได้อีกทางหนึ่งเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

โรลส์-รอยซ์

โคเฮนกล่าวว่า ส่วน เรธ แบล็ค แบดจ์ ขุมพลัง 623 แรงม้า (465 กิโลวัตต์) ทีมวิศวกรสร้างสรรค์ให้เป็นรถยนต์คูเป้ท้ายลาดเอียงแบบฟาสต์แบ๊ก (fastback) ผสมผสานระหว่างแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอีก 70 นิวตันเมตร ระบบกันสะเทือนถุงลมออกแบบใหม่ ผนวกกับเพลาขับรุ่นใหม่ และชุดเกียร์ 8 สปีด ให้พลังในการขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว ระบบการตอบสนองต่อคันเร่งอัจฉริยะ คำนวณค่าด้วยคอมพิวเตอร์ ควบคุมการทำงานของชุดเกียร์อย่างระมัดระวัง เมื่อเหยียบคันเร่งมากกว่า 25% ชุดเกียร์จะตอบสนองและคงตำแหน่งเกียร์ได้นานกว่า และจะเปลี่ยนเกียร์ที่ความเร็วสูงขึ้นระหว่าง 300 รอบต่อนาที และ 500 รอบต่อนาที ขึ้นอยู่กับเกียร์ ให้ศักยภาพในการเร่งความเร็วได้มากถึง 6,000 รอบต่อนาที ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์โดยอัตโนมัติเมื่อลิ้นปีกผีเสื้อเปิดออกถึง 80-100% เป็นระบบตอบสนองการขับขี่ ผู้ขับจะสัมผัสพลังเครื่องยนต์แรงมากขึ้น

นอกจากนี้ ระบบตอบสนองต่อคันเร่งอัจฉริยะในขณะเหยียบคันเร่งถึงระดับกลาง (70-80%) การทำงานของชุดเกียร์จะปรับเป็นรูปแบบเร็วขึ้น ระหว่างลดความเร็วลง หรือเมื่อแตะเบรก ชุดเกียร์จะเปลี่ยนมารอบต่ำในเวลาอันรวดเร็ว ระบบช่วยเบรกของเครื่องยนต์จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ น้ำหนักของพวงมาลัยจะปรับตามความเร็วของรถ โรลส์-รอยซ์ได้ยกระดับเทคโนโลยีในการเบรกของแบล็ค แบดจ์ทั้งสองรุ่น โดยเพิ่มขนาดจานดิสก์เบรกหน้าให้ใหญ่ขึ้นอีก 1 นิ้ว เพื่อตอบสนองการหยุดรถอย่างรวดเร็ว อีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ก็คือ เรธ แบล็ค แบดจ์ มีการติดตั้งระบบไฟหน้าอัตโนมัติ LED เพื่อทัศนวิสัยที่ดีในเวลากลางคืน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image