มูลนิธิคณะนักบุญคามิลโล เปิดตัว “บ้านผู้สูงอายุราชสีมา” สุดหรู

วันที่ 9 มีนาคม ที่โรงพยาบาลคามิลเลียน มูลนิธิคณะนักบุญคามิลโลแห่งประเทศไทย ร่วมกับหอการค้าไทย – อิตาลีและหอการค้าไทย – ไอร์แลนด์ จัดแถลงข่าว เปิดตัว “โครงการบ้านผู้สูงอายุราชสีมา” เพื่อเตรียมตัวรับมือกับปัญหาการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอีก 17 ล้านคนใน 24 ปี ข้างหน้าและจะเปิดบ้านรับผู้สูงอายุในปี 2560 นี้

นายโจฮันนี กอนาริน ผู้อำนวยการคาร์มิลเลียนโซเชียวแคร์และผู้ริเริ่มโครงการบ้านผู้สูงอายุราชสีมา กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับ 3 ของประเทศที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก และคาดว่าอีก 24 ปีข้างหน้าจะมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านคนหรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า ผู้สูงอายุในไทยประสบปัญหากับความเครียด การถูกทอดทิ้งจากบุตรหลาน หรือคู่ชีวิตที่ต้องตายจากกัน และนำไปสู่การฆ่าตัวตายในที่สุด

“จากปัญหาผู้สูงอายุจึงทำให้เกิดแนวคิดเพื่อบรรเทาปัญหา โดยสร้างบ้านผู้สูงอายุราชสีมา ในจังหวัดนครราชสีมา เพราะเห็นว่า มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันโครงการได้ดำเนินการแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 80 เหลือเพียงระบบภายใน เช่น ห้องครัว ระบบท่อน้ำ ระบบไฟฟ้า และคาดว่าจะเปิดทำการสำหรับผู้พักอาศัยรุ่นแรกในเดือนมกราคม ปี 2560” นายโจฮันนีกล่าว

นอกจากนี้ ทางมูลนิธิคณะนักบุญคามิลโลฯ ยังได้จัดตั้งมูลนิธิและโรงพยาบาลอีก 17 แห่งเพื่อช่วยเหลือคนไทยผู้ยากไร้ เด็กพิการ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

Advertisement

นางศรีบังอร พิลาจันทร์ พยาบาลผู้ประสานงานโครงการบ้านผู้สูงอายุราชสีมา กล่าวว่า สำหรับบ้านผู้สูงอายุราชสีมาได้แบ่งพื้นที่ให้บริการทั้งหมดเป็น 3 โซน คือ โซนแรก คือ ห้อง VIP จำนวน 24 ห้อง ภายในมีเครื่องอำนวยความสะดวกและการบริการแบบครบวงจร ราคาเดือนละ 20,000 บาท ต่อเดือน โซนที่ 2 คือ ห้องเตียงคู่ จำนวน 12 ห้อง 24 เตียง ในราคาเดือนละ 25,000 บาท สามารถหารกันจ่ายได้ และโซนสุดท้าย คือ ห้องรวม โดยคล้ายห้องรวมของโรงพยาบาล แต่จะแยกประเภทผู้ป่วยตามอาการและโรค มีพยาบาลรักษาแบบติดเตียงตลอดเวลา ค่าใช้ในราคาไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท

“ความแตกต่างจากบ้านผู้สูงอายุที่อื่น คือ การให้บริการแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือ Day Care จะเปิดให้บริการจันทร์ถึงศุกร์ เป็นการเปิดบริการสำหรับครอบครัวของผู้สูงอายุที่ลูก ๆ ไม่มีเวลาดูแลและไม่อยากให้พ่อแม่อยู่เพียงลำพัง ก็สามารถนำผู้สูงอายุมาบ้านผู้สูงอายุของเราได้ โดยจะได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน รวมถึงสถานที่และอาคารก็อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ช่วยรักษาผู้ป่วยทั้งสุขภาพกายและใจ เพื่อให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตในสังคมได้ต่อไป”นางศรีบังอร กล่าว

นางศรีบังอร บอกด้วยว่า ปัจจุบันปัญหาผู้สูงอายุนับว่าแย่มาก ๆ มีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น แต่ยังขาดการสนับสนุนจากรัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบาย แผนรองรับผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยบรรเทาปัญหาในเรื่องนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image