ภูมิธรรม เวชยชัย ถอดรหัสรธน.-คำตอบ”พท.”

ภูมิธรรม เวชยชัย ถอดรหัสรธน.-คำตอบ”พท.”

สัมภาษณ์ โดย ศุภกาญจน์ เรืองเดช

 

หมายเหตุ – นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ ?มติชน? ในประเด็นภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ รวมถึงทิศทางและอนาคตของพรรคเพื่อไทย

Advertisement

– พรรคเพื่อไทยแสดงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มองภาพรวมร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนลงประชามติอย่างไร

ผมคิดว่าเรื่องการที่ร่างรัฐธรรมนูญกำลังกลับมาสู่เวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนพิจารณาในการทำประชามติ ก็เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่าคนทั้งประเทศรู้สึกหรือคิดอย่างไรกับประเทศ ทิศทางของประเทศ และอนาคตของประเทศอยากให้เป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นก็มีความสำคัญมาก ทุกฝ่าย ทุกคนคงจะต้องใช้วิจารณญาณในการทบทวนเพื่อจะดูว่าสิ่งที่คณะบุคคลที่ดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา เขาได้ร่างรัฐธรรมนูญที่สามารถตอบโจทย์ที่พี่น้องประชาชนกำลังรู้สึก หรือเผชิญอยู่ในปัจจุบันมากน้อยแค่ไหน เช่น รัฐธรรมนูญนี้ได้อำนวยประโยชน์หรือคำนึงถึงหลักการด้านสิทธิ เสรีภาพของเขามากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตอบโจทย์ที่จะเอื้ออำนวยและแก้ปัญหาเรื่องชีวิต ความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าร่างรัฐธรรมนูญตอบโจทย์ว่าจะเอื้ออำนวยให้ประเทศพัฒนาไปข้างหน้า เศรษฐกิจของประเทศโดยรวมจะดีขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนจะได้รับการคลี่คลายและแก้ไข คนส่วนใหญ่ก็จะรับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าคิดว่าไม่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างนั้น เขาก็คงพิจารณาว่าอาจจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญก็เป็นได้ เพราะคนคงต้องตอบตัวเองได้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะรับเพื่อเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศนั้นจะสามารถแก้ปัญหาของประเทศได้หรือไม่ได้ ผมคิดว่าวันนี้ทุกๆ ฝ่าย ทุกๆ คนดูก็คงต้องตอบโจทย์เหล่านี้

สำหรับพรรคเพื่อไทยเราได้มีทีท่าที่ชัดเจนออกไปแล้วว่าเราไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญที่ไม่เอื้ออำนวยต่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญที่ไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศได้ และไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญที่ไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนได้

Advertisement

– บทเฉพาะกาลจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งใหม่ของประเทศหรือไม่

อันนี้เป็นเรื่องน่ากังวล เพราะว่าในขณะที่ฝ่ายหนึ่งอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ภายใต้กรอบความเชื่อของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว แต่เขาจะต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่กำลังทำนั้นไปมีผลกระทบต่อคนอีกส่วนหนึ่งไม่น้อยทีเดียว เพราะฉะนั้นการที่ใช้ความต้องการของตัวเองมากำหนดทิศทางแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยคิดว่ามันจะเป็นทางออก แต่ลืมคิดคำนึง หรือลืมถามความต้องการของคนที่เขาคิดอีกแบบจะทำให้ความเห็นต่างหรือความขัดแย้งถูกกลบฝังลงไปโดยที่ไม่ได้รับการคลี่คลาย ตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง ผมเชื่อว่าประชาธิปไตยในเมืองไทยถูกใช้มาเป็นเวลาช่วงหนึ่งพอสมควรแล้ว เพราะฉะนั้นการที่ทุกฝ่ายได้พูดเต็มที่ทุกคนก็จะรู้ว่าในเมื่อสิ่งที่ตัวเองได้พูด ได้ออกความเห็นอย่างเต็มที่แล้ว คนส่วนใหญ่จะเลือกสิ่งไหนทุกคนก็มีวิจารณญาณที่จะรับฟังได้ ถ้าใจกว้างสักนิด หรือไม่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิดแต่เพียงฝ่ายเดียว ทุกอย่างน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม เพราะฉะนั้นถ้ายังขาดสิ่งเหล่านี้ แล้วยังใช้ความเชื่อของตัวเองกำหนดแต่เพียงฝ่ายเดียว สิ่งเหล่านี้จะทำให้ความเห็นต่างถูกกลบไป และไม่จบ ซึ่งไม่ใช่ผลดีต่อประเทศชาติเลย

– คิดว่า กรธ.มีทางใดที่จะผ่อนปรนสถานการณ์ได้บ้าง

ตอนนี้ยังมีเวลา ถ้าทุกคนยอมรับในหลักประชาธิปไตย และยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น กฎระเบียบต่างๆ ที่จะออกมาในร่างรัฐธรรมนูญ ร่างประชามติที่จะออกมาก็ยังแปลงได้ ยังมีโอกาสที่จะ

ปรับเปลี่ยน หรือไม่อย่างนั้น ถ้ามอบอำนาจให้ฝ่าย กกต.ก็ดีหรืออะไรก็ดีสามารถที่จะตีความได้กว้างขวางมากขึ้น เช่น ให้ทุกคนมีสิทธิจะบอกว่าฉันเห็นหรือฉันไม่เห็นอย่างไร ตรงนั้นน่าจะมีประโยชน์กว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่วิธีการจะทำอย่างไร แต่ปัญหาอยู่ที่ความคิดหลักตัวเองยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าคิดว่ายอมรับความเห็นประชาชนได้มากขึ้น น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในทางเทคนิคนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ก็ดี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ก็ดี เก่งอยู่แล้วในการที่จะเปลี่ยนกฎหมายมาตอบสนองการแก้ปัญหาในการรับใช้ในสิ่งที่ตัวเองคิด ตัวเองเชื่อ ทำได้อยู่แล้ว

– ถ้า กรธ.ยอมถอยจุดไหนที่พรรคเพื่อไทยจะรับได้

วันนี้พรรคเพื่อไทยยืนอยู่ในจุดยืนที่ชัดเจนอยู่ 2-3 เรื่อง เรื่องแรกคือ เราเอาความเป็นประชาธิปไตยที่สากลยอมรับเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหลักประชาธิปไตยเป็นหลักที่ยอมรับเสียงของคนส่วนใหญ่ ยอมรับ

หลักการที่ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการกำหนด ดังนั้น ถ้ายึดหลักสากล ยึดหลักในความเป็นประชาธิปไตยก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ เรื่องที่สองคือ ยึดหลักในการที่จะให้บรรยากาศของกระบวนการในการที่จะคิด ตัดสินใจ เป็นหลักที่ดึงความร่วมมือ การมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกและแก้ปัญหาให้กับประเทศ ถ้ายอมรับในหลักที่จะให้คนต่างๆ มีสิทธิที่จะเสนอความเห็นก็ไม่มีอะไรที่น่ารังเกียจ ดังนั้น อย่าไปกลัวว่าจะมีปัญหา กลไกของประชาธิปไตยใช้เสียงส่วนใหญ่ และดูความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อทบทวนแล้วผลจะกระทบกับชีวิตเขา เขาก็เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ แต่ถ้าอยู่ๆ เอาคนส่วนหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นคดี แล้วมาคิดตัดสินใจแทนคนส่วนใหญ่ทั้งหมด ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันเลยว่ามันจะเป็นการคิดและตัดสินใจบนพื้นฐานที่จะถูกต้อง

– ดูเหมือนว่าวันนี้ กรธ.เดินตามข้อเสนอฝ่ายมีอำนาจ

อันนี้เป็นสิ่งที่เป็นปัญหาที่สำคัญ คือเรากำลังหากติกาของประเทศ ของคนส่วนใหญ่ แล้วทำไมถึงรังเกียจการถามความเห็นของคนส่วนใหญ่ ถ้ายอมรับและเข้าใจควรเปิดโอกาสให้คนส่วนใหญ่ได้คิด ได้ตัดสินใจ และแสดงความคิดเห็น เพราะวันนี้ไม่มีการเปิดโอกาสจึงเป็นปัญหาที่ไม่สิ้นสุด และกำลังจะเป็นชนวนต่อไปในอนาคตที่ทำให้ปัญหาของประเทศหลงทิศ ผิดทางได้ เพราะขึ้นอยู่กับความเชื่อของคนเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น

– มีคนบอกว่าถ้าใครไม่พร้อมที่จะเล่นตามกติกาหรือไม่เห็นด้วยกับกติกา ก็ไม่ต้องลงแข่ง

ถือเป็นทรรศนะที่ค่อนข้างคับแคบและมองไม่เห็นความเป็นจริง คิดว่าบรรยากาศของการถกเถียงเพื่อหาข้อสรุปถ้ายังไม่ทันถกเถียง แต่กลับบอกว่า ไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องทั้งหมด อันนี้เป็นการปิดปากคนอื่น ความจริงคือต้องให้ระดมความเห็นได้เต็มที่ การเสนอวิธีการแบบนี้เป็นการทำให้ความเห็นต่างๆ ไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปรายได้อย่างกว้างขวาง ต้องหยุดการสร้างบรรยากาศที่ทำให้เกิดความคลางแคลงใจ หวาดวิตก หวาดกลัว ต้องเป็นบรรยากาศที่เราช่วยกันคิดในทุกส่วน แล้วเลือกส่วนที่ดีที่สุด ถ้าเป็นแบบนี้เราจะได้สิ่งที่ดีที่คนส่วนใหญ่มีส่วนร่วม

– กระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมไปตั้งพรรคเล็กๆ เพื่อรับกติกาใหม่หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน

ผมยังไม่เห็นแนวโน้มอย่างที่ว่า อย่างเช่นวันสงกรานต์ที่มีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ของพรรค ก็เห็นสมาชิกเข้ามากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันดีพอสมควร เพราะฉะนั้นก่อนที่วาระอันสมควรมาถึง ข่าวลือต่างๆ ล้วนเกิดขึ้นทั้งสิ้น วันนี้คงไม่มีอะไรที่สามารถจะฟังแล้วเชื่อได้ 100% วันนี้สิ่งที่ถามมานี้เราไม่ต้องตอบ ถ้าดูจากบรรยากาศการรดน้ำดำหัวก็จะเห็นว่าความพร้อมเพรียงของนักการเมืองของพรรค และสมาชิกพรรคก็มีผลที่น่าพึงพอใจ คนก็ยังรักกัน ทุกคนยังรู้สึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ว่าเรารอให้รัฐธรรมนูญนั้นประสบความสำเร็จออกมาให้เรียบร้อย แล้วเราจะได้ช่วยกันคิดว่าเราจะหาทางออกให้ประเทศอย่างไร เป็นเรื่องของอนาคตที่จะตัดสินใจ วันนี้เฉพาะหน้าคือจะทำอย่างไรที่จะให้ได้กติกาที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด

– หลายๆ พรรคก็เริ่มไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทยได้หารือกับพรรคอื่นๆ หรือไม่

วันนี้ต้องบอกว่าเราอยู่ในบรรยากาศทางการเมืองที่อยู่ภายใต้กฎ กติกาซึ่งผ่านการรัฐประหารมา เพราะฉะนั้นโดยคำสั่งประกาศของคณะรัฐประหารก็ดี โดยกฎระเบียบของ กกต.ที่ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองก็ดี เราก็ไม่มีโอกาสได้คุยกัน แต่ถ้าเจอกันในงานเลี้ยง หรืองานอื่นๆ เราก็แสดงความรู้สึกไป แต่สิ่งที่เราเห็นในขณะนี้คือทุกคนก็รู้สึกว่ารัฐธรรมนูญแบบนี้ไม่ค่อยมีความเป็นประชาธิปไตย หลายคนก็ตั้งคำถามว่าจะแก้ปัญหาของประเทศได้หรือ ในฐานะที่เราเป็นนักการเมืองที่คว่ำหวอดอยู่กับปัญหาของประชาชน และวงการของนักบริหารราชการแผ่นดิน เรารู้ว่ารัฐธรรมนูญแบบนี้จะทำให้เราทำอะไรได้ยากขึ้น มีปัญหามากขึ้น เราจึงได้พยายามนำเสนอ ทุกคนรักประเทศชาติ และทุกคนอยากเห็นกติกาที่ทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า เพราะฉะนั้นฟังตรงนี้ให้มาก และปรับแก้ไขน่าจะดีที่สุด

– กระแสข่าวที่คนในพรรคบางคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจขณะนี้ และการถูกกดดันจากฝั่งผู้มีอำนาจ พรรคจะขับเคลื่อนอย่างไร

ยังไม่ได้เห็นร่องรอยของเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างที่ถามมา ผมยังไม่รู้สึกว่าภายในของเรามีอะไร อย่างมากที่สุดที่เห็นคือบางคนกำลังคิด กำลังพิจารณา แต่โดยรวมๆ สำหรับพรรคเพื่อไทยความร่วมไม้ร่วมมือ และความเป็นปึกแผ่น และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันค่อนข้างแข็งแรง วันรดน้ำดำหัวเป็นตัวอย่างที่ไม่ต้องใช้คำอธิบาย ผมคิดว่ามันฟ้องด้วยภาพโดยรวมชัดเจน และเรารู้สึกว่าพรรคการเมืองอย่างเราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุดในช่วงที่ผ่านมา ทุกคนยังพร้อมที่จะทำสิ่งต่างๆ ถ้าหากมีโอกาสให้ทำก็จะรีบทำทันที ส่วนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่มีคนฝ่ายผู้มีอำนาจได้กระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาประชาชน เราไม่ต้องดำเนินการ ไม่ต้องฟ้อง ทำดีมากน้อยเพียงใดประชาชนรู้และเข้าใจ ถึงเวลาประชาชนเขาก็จะตัดสินใจในสิ่งที่เขาเห็นและเขาเชื่อ

– ถ้าประชาชนให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านพรรคเพื่อไทยจะเดินอย่างไรต่อไป

เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่ต้องคิดบนเงื่อนไขสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น วันนี้โจทย์ของเราคือจะทำอย่างไรจะพิจารณาทบทวนและทำให้ทุกฝ่ายมีโอกาส และข้อมูลให้มากที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจ ก็มีอยู่แค่นี้ ถ้าคิดเรื่องอื่นก็คิดเกินเลยไป เพราะยังไม่รู้ว่าจะไปคิดในเงื่อนไขสภาพแบบไหน แต่ถ้าผ่าน หรือไม่ผ่านก็เป็นสเต็ปต่อไปที่เราจะคิดต่อ จริงๆ แล้วหากรัฐธรรมนูญคลี่คลายลงไปมันก็จะมีบรรยากาศที่พรรคการเมืองต่างๆ สามารถที่จะทำอะไรได้มากเต็มที่ ตรงนั้นก็คงจะได้ระดมสติปัญญากันในการที่จะคิดและหาทางออกต่อในเวลาที่เหมาะสม

– ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านแล้วไปเจอกับทางตันอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยจะมีท่าทีอย่างไร

ผมไม่คิดว่าจะมีทางตัน เพราะว่าพี่น้องประชาชนก็ได้ให้โอกาสรัฐบาลในการหาทางออก และในบรรยากาศแบบนี้รัฐบาลก็รู้ ผู้นำก็รู้ว่าได้ผ่านกระบวนการซ้ำแล้วซ้ำอีก คงไม่สามารถทำให้ยืดเยื้อต่อไปอย่างไม่มีจุดจบได้ เพราะทุกครั้งที่ยืดออกไปมันหมายถึงต้นทุนประเทศก็ได้สูญเสียไป งบประมาณที่จะใช้ในการร่างรัฐธรรมนูญ ในการทำประชามติก็จำนวนพอสมควรในยามที่ประเทศวิกฤตและขาดแคลน มันไม่ควรถูกนำมาสูญเสียไปอย่างนี้เรื่อยๆ แล้วยิ่งทำให้การที่จะเป็นประชาธิปไตยถูกยืดเวลาออกไปหรือไม่สามารถที่จะดึงความสนับสนุน ความร่วมมือของต่างประเทศได้ ก็จะยิ่งทำให้ประเทศสูญเสียโอกาส ต้นทุนของการเสียโอกาสต่างๆ มันมหาศาล ถ้าเปรียบเทียบกับสิ่งที่รัฐบาล และประเทศกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตต่างๆ อยู่ เพราะฉะนั้นไม่ว่าผลตัดสินจะออกมาอย่างไร ถ้าออกมาตามที่รัฐบาลอยากได้ทุกอย่างก็จะเดินหน้าไปได้ ถ้าไม่ออกมาอย่างที่รัฐบาลอยากได้ มันเท่ากับเป็นการบอกว่าประชาชนส่วนใหญ่เขาไม่อยากได้ในสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ หนทางเดียวที่ควรจะทำได้คือต้องรีบดำเนินการให้ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ไม่มีทางที่จะเยิ่นเย้อต่อไปได้อีก เพราะยิ่งเยิ่นเย้อต่อไปก็จะยิ่งนำประเทศไปสู่ความหายนะ (หน้า1, 11)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image