วันนี้ (22 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติถึงการเลือกตั้งว่า อยากให้เกิดไม่มีใครไม่อยากให้เกิดเราฝืนประชาธิปไตยโลกไม่ได้ แต่สิ่งที่กำลังทำในตอนนี้คือการสร้างประชาธิปไตยใหม่ขึ้นมาให้เป็นสากล ที่ผ่านมาบ้านเมืองวุ่นวายมีปัญหามาทั้งหมดก็ต้องเข้ามาแก้ เมื่อแก้แล้วจะเลือกตั้งใหม่ก็ยินยอมไม่ได้ฝืนจะเลือกตาม Road Map เพราะถ้าเห็นแก่ตัวเองหรือ เห็นแก่อำนาจหรือก็คงไม่ให้
“ผมก็อยู่ของผมไปอย่างนี้ ใครจะกดดันผมก็อยู่อย่างนี้ เพราะผมทำเพื่อประเทศผม เพื่อนไทยทุกคน วันนี้ก็เร่งให้ผมทำให้เสร็จเร็ว ๆ ไปซะที วันนี้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็จริง วันนี้มีการต่อต้าน มีความขัดแย้งกันมากอยู่ พร้อมจะกลับมาที่เดิมทุกอย่าง ผมถึงบอกว่า อย่ามองการเลือกตั้งอย่างเดียว แต่ไม่ใช่ผมไปขัดแย้งการเลือกตั้ง เลือกได้ก็เลือก ผมให้แล้ว ไม่มีการทำประชามติ ก็ทำไม่ได้ พอไม่ได้ขึ้นมาให้ผมลาออก ผมให้ทุกอย่างแล้วนะ แต่ท่านไม่ให้ผมเลย อย่างนี้ไม่ได้ เพราะผมเข้ามาทำขนาดนี้แล้ว” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า เนื้อแท้ประชาธิปไตยมีอะไรบ้างคือ
1) ต้องมีการเคารพเหตุผลคนอื่นเขาบ้าง มากกว่าบุคคล เอาแต่ตัวเองเป็นหลัก ไม่ฟังคนอื่นเขาถ้าคนอื่นพูดไม่ตรงแล้วไม่เอาเลย ตนฟังทุกคน จะหาว่าตนพูดมาก ใช้คำสั่งใช้อะไร แต่ไม่ฟังกัน ถึงเรื่องมาก ตนเป็นคนธรรมดามนุษย์ต้องมีอารมณ์บ้าง หงุดหงิดบ้าง อะไรบ้าง ตนเป็นคนอารมณ์เย็นอยู่แล้วปกติ วันนี้ไม่ปกติ อารมณ์ร้อนขึ้นหน่อย เพราะงานมาก แล้วมาดึงขา ดึงแข้งอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเคารพเหตุผลมากกว่าบุคคล หรือมากกว่าที่บิดเบือนมา เขาเรียกอะไร ภาพลวงตา ไม่ใช่ ต้องหาเหตุผล วันนี้เราพร้อมหรือยัง ถ้าว่าพร้อมก็พร้อม ผมก็ให้ไปแล้ว เลือกตั้งให้ได้แล้วกัน
2) คือต้องรู้จักการประนีประนอมที่ผมว่า ที่ผ่านมา มี 1 ฝ่าย 2 ฝ่าย 3 ฝ่าย 4 ฝ่าย แล้วทั้งหมดเอาความขัดแย้งมาพูดกันก่อน ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน เอาแต่ขัดแย้งมาพูดกัน แล้วจะร่วมมือตรงไหนล่ะ ก็ขัดแย้งแรงขึ้นๆ แล้วก็ไปสู่ที่ตนเข้ามา ถ้าท่านรู้จักว่าผ่อนสั้นผ่อนยาวกันในสิ่งที่ถูกกฎหมาย ประนีประนอมกันบ้าง แก้ไขปัญหาให้ได้ก่อน มี 10 อย่าง ขัดแย้งกัน 10อย่าง มีอะไรที่พอจะไปได้สัก 5 อย่าง ทำ 5 อย่างก่อน ไม่ใช่เอา 10 อย่างมาตีกันอยู่นั่น เอาเรื่องยากมาทำก่อน ทำไม่ได้
แล้วเรื่อง ประเทศไทยละเว้นมานาน เรื่องเคารพกฎหมายการมีระเบียบวินัย สังคมวุ่นวายไปหมด กฎหมายเป็นตัวพื้นฐาน แรงบ้างเบาบ้างถ้ารู้จักระมัดระวัง ก็ไม่โดนกฎหมาย ก็ไม่ต้องขัดแย้ง กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์อย่าเพิกเฉย
วันนี้ก็มีหลายกลุ่มหลายฝ่ายก็พยายามที่จะกดดันให้เราดำเนินการทางคดี ก็รู้อยู่ผลทางการเมือง เพื่อผลทางต่างประเทศด้วย แต่ผมบอกเขาไปแล้วว่า จำเป็นต้องทำเรื่องเหล่านี้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าไม่ผิด ผมไม่ทำ ไม่ไปยุ่ง อันนี้เป็นกฎหมายประกาศไปแล้ว คือกฎหมาย ผิดไม่ได้ ให้โอกาสหลายครั้งแล้ว แล้วอย่าใช้เสรีภาพเกินขอบเขตก้าวก่ายคนอื่นเขา บอกตัวเองต้องการนี่ต้องการโน่น แล้วคนอื่นเขาเดือดร้อน วันนี้ประชาชนอีกเท่าไรล่ะ มีความสุขเท่าไรวันนี้ ให้ไปดูซิ ไปดูตัวเรามีความสุขอยู่ พวกขัดแย้งก็ขัดแย้งอยู่เหมือนเดิม
สรุปว่าไม่นึกถึงคนที่เขามีความสุขอยู่วันนี้หรือ ให้คนเขาเดือดร้อนทั้งประเทศแบบวันก่อนเหรอ เห็นแก่ตัวไม่ได้ ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมก็ต้องมี ยุทธศาสตร์ชาติต้องเดิน จะเป็นเลือกตั้ง ประชาธิปไตย เป็นการเมือง ว่าไปซิ ผมไม่ไปยุ่ง แต่ขอให้เป็นการเมืองที่สุจริต มีธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ
ขอแค่นี้ให้ผมได้ไหมล่ะ ถ้าให้ผมได้ ให้รู้ว่าผมให้อะไรไปแล้วนะ ให้ทำประชามติ ให้รัฐธรรมนูญ อาจจะมีเข้มงวดบ้าง ในระยะ 5 ปี ยังให้ไม่ได้เลย แล้วอย่างนี้จะไปยังไง ต้องการอะไรเหรอ ต้องการให้ดีขึ้น ถ้าเหมือนเดิม ไม่มีบทลงโทษ ไม่มีบทเข้มงวด ก็กลับที่เก่า
“ก็ขอแค่ 5 ปี แค่นี้ แล้วท่านจะทำอะไรของท่านไป ผมคิดว่า 5 ปีนี่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาก ถ้าทุกคนร่วมมือ แล้วผมก็หวังให้มีการเลือกตั้ง มีการทำประชามติ ต่างๆ ไม่ได้บังคับใครนะ ใช้ความคิดซิ คิด มีเหตุมีผล ด้วยหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง แล้วจะหาเจอว่าที่ผมทำมานี่คืออะไร ไม่ใช่มามองว่าผมมายังไง แล้วผมควรจะไปได้แล้ว แล้วผมทำอะไรทุกวันอยู่นี่ล่ะ ผมแก้ปัญหาให้เขาทั้งนั้นเลยนะ ไม่ใช่ปัญหาของผมนะ ผมไม่ได้ทำไว้นะ เพื่อเขาในวันหน้า เพื่อลูกหลานของเราในอนาคตนั่นคือสำคัญ
