เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม นายอำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ชายหาดหัวหินเมื่อเดือนมีนาคม 2558 เพื่อติดตามความคืบหน้าการจัดระเบียบชายหาด ตามนโยบายคืนความสุขให้คนในชาติ เพื่อให้การใช้ประโยชน์ในพื้นที่สาธารณะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้น ล่าสุดยืนยันว่าการดำเนินการจากหลายหน่วยงานมีความชัดเจนเป็นรูปธรรม สามารถวางกฎกติกาเพื่อให้ผู้ประกอบการร้านคาชายหาดหัวหิน 118 ราย ปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะข้อร้องเรียนเรื่องราคาอาหารแพงเกินจากอัตราที่กำหนดเป็นเมนูกลาง และการฝ่าฝืนตั้งโต๊ะและเตียงผ้าใบรุกล้ำแนวเขตที่กำหนด แต่ยอมรับว่าการดำเนินการค้อนข้างมีปัญหาพอสมควร เนื่องจากบางหน่วยงานมีความหวั่นวิตกกว่าการจัดระเบียบอย่างเข้มงวดจะมีผลกระทบกับฐานเสียงทางการเมือง
นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า สำหรับประกอบการบริเวณริมถนนนเรศดำริห์ ตั้งแต่สะพานปลาถึงศาลเจ้าแม่ทับทิม จำนวน 52 ราย มีการปลูกสร้างอาคารถาวรยื่นลงไปในทะเล มีทั้งโรงแรมเถื่อน ร้านอาหารซีฟู้ด และที่พักอาศัย หลายปีที่ผ่านมาเทศบาลหัวหินได้ดำเนินการฟ้องร้องตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ซึ่งปัจจุบันบางคดีมีคำสั่งศาลถึงที่สุด เพื่อให้ผู้ประกอบการทำการรื้อถอนอาคาร แต่ปรากฏว่าผู้ประกอบการยังเพิกเฉยและทำธุรกิจตามปกติ ขณะเดียวกันเทศบาลเมืองหัวหินในฐานะโจทก์ก็จะต้องดำเนินการยื่นต่อศาลเพื่อบังคับคดีในการรื้อถอน และก่อนหน้านี้นายทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด มีหนังสือสั่งการให้ผู้บริหารเทศบาลหัวหินดำเนินการเรื่องดังกล่าวแล้วตามอำนาจหน้าที่ แต่ทราบว่าขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งหากผู้เกี่ยวข้องไม่ปฏิบัติตามอำนาจก็มีความเสี่ยงกับการถูกแจ้งหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามาตรา 157
ด้านแหล่งข่าวจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่าเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา มีสื่อมวลชนดำเนินการยื่นเอกสารผ่านศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอให้เทศบาลหัวหินชี้แจงความคืบหน้ากรณีการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 บังคับรื้อถอนผู้บุกรุก 52 รายหลังจากศาลมีคำสั่งให้ทำการรื้อถอน แต่ปรากฏว่าเทศบาลหัวหินยังไม่มีการชี้แจงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งจะต้องแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบเพื่อทำการถวงถามในที่ประชุมประจำเดือนระดับจังหวัดต่อไป
