‘ประยุทธ์’ มอบนโยบายกำนัน-ผญบ. ลั่น ไม่ทะเลาะกับคนที่ไม่กลับมาสู้คดี

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบนโยบายโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐโดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้านภาคกลาง 6 จังหวัดกว่า 3,878 คนเข้าร่วมประชุมและรับมอบนโยบายซึ่งมีการถ่ายทอดสดระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ไปทั่วประเทศ

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ถ้าเรามีความเข้าใจที่ตรงกัน อยู่ร่วมกันในสังคมให้ได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แต่หากวันใดมีความขัดแย้งมีความเห็นที่แตกต่างก็จะเกิดปัญหา ดังนั้นจะต้องวางเป้าหมายโดยยึดประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก กำนันผู้ใหญ่บ้านถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดนอกเหนือจากการสร้างความสงบเรียบร้อยในพื้นที่แล้วก็ยังต้องพัฒนาร่วมกันประชาชนในพื้นที่ก็จะถือว่าทุกคนมีส่วนร่วมกันรัฐบาลชุดนี้ และคสช. เพราะถ้าหาคนในพื้นที่ไม่เข้าใจกันแล้วจะไปไม่ได้ทุกเรื่องจะติดขัดไปหมดวันนี้เราต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันให้ได้วันนี้ ท่านต้องเชื่อใจ ผมก็ไว้ใจท่าน เราต้องไม่สนับสนุนให้เกิดความแตกแยก เห็นต่างได้แต่ต้องยึดกฎหมายเป็นหลักทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่เป็นธรรมคนเราไม่มีทางที่จะเท่าเทียมกันได้ แม้แต่การปกครองในระบอบต่างๆแต่สิ่งที่จะเท่าเทียมกันได้คือการอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ละเว้นไม่ได้เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่จะต้องทำวันนี้คือทำอย่างไรสังคมจะเกิดความสงบ ไม่ขัดแย้ง ไม่เห็นต่าง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เคยไม่ชอบใครหรือรังเกียจใครเป็นการส่วนตัว เพราะเป็นทหารอยู่กับพวกท่านมาก่อน วันนี้เราต้องเอาอดีตทั้งหมดมาร่วมกันดูว่าจะแก้ไขอย่างไร เราต้องเริ่มจากจุดที่เล็กที่สุดคือประชาชน และหมู่บ้านเราช้าไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วเราหยุดรอมานานเกินไปเพราะเรามีปัญหามาทั้งความขัดแย้ง ความยากจนความเหลื่อมล้ำความไม่เป็นธรรมต้องกลับมามองว่ากฎหมายอยู่ตรงไหนถ้ามองเห็นทุกอย่างก็จบเพราะทุกเรื่องกฎหมายเขียนไว้หมดแล้วเพียงแต่จะใช้หรือไม่เท่านั้นอย่าลืมว่ากฎหมายยกเว้นไม่ได้ทุกอย่างต้องกลับมาสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้วหาทางแก้ให้เป็นขั้นตอนแต่แน่นอนว่าให้ทุกคนพอใจเป็นไปไม่ได้เพราะต่างคนต่างมีความคิดรัฐบาลไม่ได้จำกัดความคิดเห็นที่แตกต่าง เพียงแต่จะต้องคิดให้ได้ก่อนว่าแตกต่างกันเพื่ออะไรเราต้องฟังเหตุผลและข้อมูลทุกด้านไม่ใช่หยิบยกอะไรมาเรื่องเดียวแล้วตีกันทั้งหมดปัญหาไม่มีทางแก้ได้ถ้าเอาความขัดแย้งขึ้นมาก่อนเราต้องมาร่วมมือทำงานกันก่อนส่วนเรื่องความขัดแย้งค่อยมาดูที่หลังค่อยๆ แก้กันไปวันนี้เราต้องมาร่วมกันสร้างประชาธิปไตยให้เท่าเทียมภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกันให้ได้เสียก่อน”นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 70 ปีเพราะฉะนั้นอย่าไปฟังคนที่ออกมาพูดอย่างสมัยก่อนที่มีความขัดแย้งหลายๆ เหตุการณ์ทั้งเดือนตุลาคม 2514 ล้วนเป็นความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนและนักศึกษาบ้างท่านก็ทรงลงมาเกี่ยวข้องได้โดยให้พระราชอำนาจของท่านโดยห้ามปราบให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ยุติประชาชนก็จะหยุดแต่วันนี้ความขัดแย้งเกิดที่ประชาชน ทั้งสองฝ่ายท่านทรงรับสั่งอะไรไม่ได้เพราะท่านและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เคยรับสั่งไปแล้วว่าทุกคนคือประชาชนของท่านไม่ว่าจะข้างใด ฝ่ายใด สีใดเป็นประชาชนของท่านทั้งหมดเพราะฉะนั้นทุกคนต้องไปแก้กันมา เพราะท่านตัดสินตรงนี้ไม่ได้ขอให้เข้าใจด้วยเรื่องต่อมาคำถามที่เกิดขึ้นคือทำไมจึงต้องมีทหารเข้ามา เพราะประเทศไทยมันติดล็อคว่าไม่มีอะไรมาแก้ปัญหาได้เลยก่อนหน้าที่จะเข้ามาเราก็พยายามอย่างเต็มที่ในหลายๆ ครั้งโดยเฉพาะครั้งนี้ถ้าย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จะเห็นว่าปัญหามันไม่ง่ายแล้วปล่อยไปไม่ได้เพราะไม่เช่นนั้นประเทศก็เดินหน้าไม่ได้ รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็มนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีอำนาจและตนก็ไม่ได้ไปยึดอำนาจมาจากนายกรัฐมนตรีเพราะในขณะนั้นเป็นรัฐบาลที่ไม่มีนายกรัฐมนตรีซึ่งตามกฎหมายเขียนไว้ว่าใช้จ่ายงบประมาณไม่ได้รัฐบาลไม่สามารถอนุมัติงบประมาณในปี 2557 แล้วปี 2558 ต้องทำงบประมาณใหม่แล้วจะปล่อยให้ตีกันต่อไปหรือประเทศค้าขายไม่ได้เงินเดือนก็จ่ายไม่ได้

Advertisement

“ผมจำเป็นต้องเข้ามาเพื่อปลดล็อคตรงนั้นเพราะมีอำนาจทหารเพียงอำนาจเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขอะไรต่างๆ ได้เราได้ปล่อยให้มีการเลือกตั้งมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้จะถามว่าทหารทำอย่างนั้นหรือและหากย้อนมาในเรื่องทางการเมืองในปี 2553 มีการใช้กำลังทหาร ตำรวจถามว่าศาลชี้ว่าอย่างไรการใช้อำนาจในทางบริหารซึ่งเราต้องปฏิบัติแต่จะอย่างไรก็แล้วแต่ทั้งหมดอยู่ที่ข้อเท็จจริงก็ต้องไปตรวจสอบกันมาไม่มีใครอยากจะทำร้ายประเทศของเราทหารก็เป็นลูกหลานของพวกเราทั้งสิ้น ไม่ใช่คนใจร้ายไม่มีใครอยากทำอะไรแต่เมื่อเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายก็ต้องทำปัญหาครั้งล่าสุดนี้ทุกคนก็เห็นอยู่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นจาก 2 ฝ่ายแต่ฝ่ายใดทำผิดกฎหมายมากที่สุดซึ่งผมจะไปเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ มีแค่นั้นเองเพราะฉะนั้นอย่าไปฟังคำพูดที่บิดเบือนว่าทำไมตอนนั้นทำกับรัฐบาลโน้น แล้วไม่ทำกับรัฐบาลนี้มันคนละเรื่องกันอย่าให้ใครมาปลุกปั่นกับทุกคนและผมต้องทำความเข้าใจ”นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 20 ปีวันข้างหน้าจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยอีก5-10ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเกิดปัญหาขาดคนวัยฉกรรจ์ที่เข้าสู่แรงงาน ในเรื่องของเศรษฐกิจทุกประเทศไม่ได้วัดจากจีดีพีอย่างเดียวเขานำเรื่องความสุขของคนในประเทศมาวัดด้วยประเทศไทยจัดว่ามีความสุขในระดับต้นๆซึ่งวันนี้ไม่ต้องไปตีกับใครถ้าตีกันอีกแล้วจะมีความสุขไหมก็จะต้องมีการเลือกข้างกันอีกถามว่าจะเลือกไปทำไมให้เกิดอะไรขึ้นมาถ้าชนะกันไปข้างหนึ่งแล้วประเทศจะได้อะไรต้องคิดด้วยหลักการและเหตุผลการจะทำอะไรต้องอยู่ภายใต้กฎหมายถ้าทำผิดประชาชนก็มีความสุขไม่ได้โลกปัจจุบันเขาบริหารแบบนี้เราจะช้าและหยุดรอใครไม่ได้อยู่แล้วเรื่องคุณธรรมถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ประเทศสงบแต่การพัฒนาจะต้องไม่หยุดต้องพัฒนาด้วยคุณธรรมจริยธรรมถ้ากำนันคนหนึ่งถือว่าเป็นกำนันที่มีจริยธรรมหากรวบรวมทั้งหมดเป็นสมาคมจะเรียกเป็นองค์กรที่มีจริยธรรมวันนี้ตนใช้กฎหมายทุกอันเหมือนกัน

“ผมไม่ได้เข้ามาเพื่อชี้ว่าไอ้นี่ผิดถูกแต่เป็นการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คนที่เข้า ก็ต่อสู้ไป คนไม่เข้าก็อยู่อย่างทุกวันนี้ เมื่อเข้ามาก็ไปต่อสู้สิ ผมจะไปยุ่งอะไร ยังไม่กลับมาเลย แล้วจะให้ผมไปทะเลาะกับใคร ผมขี้เกียจตอบผมไม่ตอบแล้ว สื่อแส่ เลิก ผมไม่ไปทะเลาะกับใครอยู่แล้ว มันเสียเวลา แต่หงุดหงิดก็มีบ้างทหารก็เป็นแบบนี้ไม่อย่างนั้นปกครองกันไม่ได้”

Advertisement

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องระเบิดจากผู้ใหญ่บ้านกำนัน อำเภอ ไปสู่จังหวัดสู่ภูมิภาคโดยรัฐบาลได้สร้างความเชื่อมโยงทุกด้านในสอดคล้องแผนปฏิรูป 20 ปีโดยปีนี้และปีหน้าตนหวังจะทำเรื่องพื้นฐานให้ได้แต่ยอมรับแก้ไม่ได้ทั้งหมดการปฏิรูปไม่มีวันจบเพราะโลกเปลี่ยนแปลงตลอดวันนี้รัฐบาลและคสช.นำความต้องการของพวกท่านมาดำเนินการกำนันผู้ใหญ่บ้านต้องคิดโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายที่วางไว้โดยมองในภาพรวมเพื่อนำสู่การเดินหน้าประเทศวันนี้ที่ทำไม่ใช่เรื่องของตนแต่เพื่อประชาชนและลูกหลานอีก20 ปีข้างหน้าวันนี้ตนยังไม่รู้ว่าเป็นายกฯหรือเปล่ารู้อย่างเดียวว่าตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนคือความตั้งใจของรัฐบาลและคสช.อย่าไปฟังสิ่งบิดเบือนที่มีการบอกว่าตนทำเพื่ออำนาจกฎหมายว่าอย่างไรก็อย่างนั้นนำเข้าสู่กระบวนการทั้งหมดใครผิดก็เข้ามาต่อสู้แต่ถ้าไม่เข้าก็ถือว่าเป็นผู้ต้องหาเพราะกฎหมายตัดสินแล้วว่าผิดคือผิดไม่ใช่เมื่อศาลตัดสินแล้วแสดงว่าเข้าข้างนู้น และไม่ใช่ว่าคดีเมื่อ4-5ปีให้ยกเลิกทั้งหมดโดยอ้างว่าศาลไว้ใจไม่ได้อย่ามาคิดแบบที่บิดเบือนกันมาว่าไปตามกฎหมายการทำงานของข้าราชการใครทำดีก็ตอบแทนใครทำไม่ดีก็ลงโทษถ้าไปทำให้ฝ่ายใดก็จะเกิดความอึดอัดฉะนั้นตนจะไม่บังคับใคร

“ประชาชนต้องรวมกลุ่ม แต่ไม่ใช่แบ่งประเทศออกเป็นส่วนๆ เพราะมิฉะนั้น ประเทศจะเจ๊งหมด หากเราแบ่งเเยกกันจะไม่สามารถแข่งขันได้ ยิ่งวันนี้ประเทศไทย เป็นผู้นำจี 77 ทั้งนี้หลายประเทศต่างอิจฉาเพราะ ประเทศไทยได้รับการยอมรับในพระมหากษัตริย์ของไทยที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนา” นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ระบอบปกครองแบบประชาธิปไตย อาจเป็นระบบการปกครองที่ดีที่สุด แต่ใช่ว่าจะเเก้ปัญหาได้ทั้งหมด เพราะปัญหาตั้งเเต่อดีตที่ผ่านมา มักเกิดจากคน คนคือตัวปัญหา นำเรื่องราวต่างๆไปสู่การทะเลาะ จนบางครั้งคิดว่าคนจะกินกันเองเหมือนไดโนเสาร์ยุคก่อนหรือไม่ แม้มีปัญหานิดเดียว ก็ยังทะเลาะกันไม่จบสิ้น อย่างไรก็ตาม กำนันผู้ใหญ่บ้านลองพูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าจะเเก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้อย่างไร ทั้งนี้ สวนดุสิตโพลล์ ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชน โดยระบุว่า ประชาชน 70 เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้เรื่องประชามติ และรัฐธรรมนูญ แล้วเราจะทำกันอย่างไร หรือประเทศจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก ตนเข้ามาในช่วงที่ประชาธิปไตยไทยกำลังเอน จึงเข้ามาเเก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้มันเอน และคนไทยต้องช่วยกัน เมื่อตนไม่อยู่ในอำนาจเเล้ว ทุกคนจะต้องอยู่ได้ โดยไม่ต้องรอเศษเงินเล็กๆน้อยๆที่เขามอบให้ เพราะมันไม่เทียบเท่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้น รัฐบาลเเก้ไขทุกปัญหา เเต่เมื่อนำปัญหาต่างๆออกมาคลี่ดูก็พบว่ามันมีมากมาย เพราะก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ทำอะไรไว้เลย ท่านไม่ควรฝากชีวิตไว้กับใครคนใดคนหนึ่ง

ช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า “มีไหมใครต้องการให้จับ ถ้าผิดกฎหมายก็จับดำเนินคดี แต่มีคนบางคนต้องการให้คสช.จับ พอจับเเล้วก็จะได้ไปฟ้องโลก ไอ้ขี้เท่อ ประเทศชาติเสียหาย ผมก็กลัวเหมือนกัน กลัวคนอื่นเขาไม่ชอบแล้วจะตีหัวเอา ไม่ใช่ผม ไม่ใช่ทหารตำรวจ แต่คนเขารังเกียจพวกเหล่านี้ขึ้นเรื่อยๆ เเล้วจะให้ประท้วงกันแบบนี้หรือ คราวที่เเล้วก็เอาพวงหรีดมา มันทำให้ประชาชนเดือดร้อน ถ้าท่านเชื่อเขาก็ตามใจ ผมบังคับท่านไม่ได้อยู่เเล้ว แต่ผมต้องการให้คิดถึงประเทศชาติ ประเทศต้องการอะไร ครอบครัวเราต้องการอะไร อนาคตเราต้องการอะไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า อย่าให้มีการบิดเบือน และขอให้ไว้ใจซึ่งกันและกัน เอาความจริงใจเข้าหากัน เพื่อเดินหน้าประเทศต่อไปให้ได้ ตนรับไม่ได้ หากจะให้ประเทศกลับไปเป็นเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม เราต้องขยายเมืองออกไปจากเมืองหลวงแล้วไปสู่ภูมิภาคเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และขอประกาศชัดต่อกำนันผู้ใหญ่บ้านว่าหากมีใครอ้างชื่อ เพื่อเรียกผลประโยชน์ขอให้มาบอก ตนจะจัดการให้ กำนันผู้ใหญ่บ้านเองจะต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากโซเชี่ยลมีเดียบ้าง เเต่ไม่ใช่ว่าจะเชื่อทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะเป็นบ้า การดูละคร หรือความบันเทิง จะต้องมีสิ่งอื่นมาถ่วงดุล แต่วันนี้มีหนังสือพิมพ์ เช่น วันเสาร์ อาทิตย์ เนื้อข่าวนำเสนอเรื่องของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ เเต่ก็มีรูปผู้หญิงอยู่ด้วย ถามว่ามันสมควรไหม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ถามผู้เข้าร่วมประชุมว่า “ปทุมธานีว่าไง วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง วิทยุชุมชน เบาบางลงไหม พวกเอารถไปรับคนเป็นอย่างไรบ้าง หากทุกคนทำหน้าที่ของตนเอง ก็ไม่มีปัญหา กำนันผู้ใหญ่บ้านต้องส่งแผนงาน ให้สส.เป็นผู้นำเสนอ จากนั้นรัฐบาลจะจัดลำดับความเร่งด่วน ผมสัญญาว่าจะคืนความสุขให้ทุกท่าน เเต่จะต้องคืนให้ทุกกลุ่ม ไม่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มเดียว ทุกคนต้องร่วมมือเพื่อความสำเร็จ ผมไม่ใช่นักการเมือง ผมใจดีกับทุกคน เเต่คนที่ทำผิดกฎหมาย ผมไม่ดีด้วย ทุกคนต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง อย่ามาทะเลาะกันกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image