วันที่ 27 เมษายน เมื่อเวลา 12.30 น. ที่เรือนรับรอง มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พ.อ.สมชาย ครรภาฉาย รอง ผบ.มทบ.23 เปิดเผยว่า กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น (กกล.รส.จว.ขอนแก่น) ได้ทำการเชิญตัวนายหฤษฎ์ มหาทน อายุ 25 ปี และนายนิธิ กุลทัศนศิลป์ อายุ 26 ปี มาพูดคุยและทำความเข้าใจ โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงทำการควบคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่กรุงเทพมหานคร
พ.อ.สมชาย ครรภาฉาย รอง ผบ.มทบ.23 กล่าวว่า กำลัง กกล.รส.จว.ขอนแก่น ได้สนธิกำลังร่วมทหารฝ่ายความมั่นคง จากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ทำการเชิญตัวบุคคลทั้ง 2 มาพูดคุยและทำความเข้าใจ โดยในขั้นตอนการสอบสวนหรือพูดคุยนั้น มีการบันทึกประจำวันและลงในเอกสารหลักฐานจากชุดปฏิบัติการจากส่วนกลางทั้งหมด ซึ่งในการเชิญตัวดังกล่าวนั้น ทั้ง 2 มีข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังจากคณะทำงานมีการตรวจพบว่ามีการโพสต์ข้อความในเชิงต่อต้านการทำงานของรัฐบาล โดยในการเชิญตัวดังกล่าวนั้น เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานไม่ได้มีการกระทำอันตรายใดๆ ทั้งทางกายและจิตใจ ไม่ได้รับความเสียหายต่อสิ่งของแต่อย่างใด และทั้ง 2 ได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
“จากข้อมูลที่พบว่าทั้ง 2 คนนั้น อยู่ในกลุ่มทนายอานนท์ นำภา ทนายความ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มประชาธิปไตยใหม่และพลเมืองโต้กลับ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายหฤษฎ์ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Harit Mahaton จบการศึกษารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินกิจการเป็นเจ้าของร้านราเมง “คุโรเนโกะ” ตั้งอยู่บริเวณข้างรั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่น ถนนกังสดาล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น และร้านข้าวมันไก่ขอนแก่น สาขานครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เคยเป็นอดีตนักข่าว นักเขียนนิยาย สนพ.แจ่มใส สยามอินเตอร์คอมิกส์ และเป็นหุ้นส่วน พะโล้สำนักพิมพ์ โดยมีการตรวจยึดสิ่งของประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต 1 เครื่องและโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ขณะที่นายนิธิ เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อ Nithi Kooltasnasilp และเป็นผู้จัดการร้านราเมง “คุโรเนโกะ” ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจยึดสิ่งของประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง แท็บเล็ต 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ 2 เล่ม, สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย 1 เล่ม, ฮาร์ดดิสก์ 1 เครื่อง และสมุดโน้ต 1 เล่ม” พ.อ.สมชาย กล่าว
พ.อ.สมชาย กล่าวอีกว่า ตามอำนาจของชุดปฎิบัติการตามคำสั่งที่ 13 ของ คสช.ที่นายทหารตั้งแต่ยศ ร.ต. สามารถควบคุมตัวหรือจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้นั้น ทั้ง 2 คนนี้คณะทำงานจาก คสช.ได้มีการประสานการทำงานร่วมกับกำลังทหารในพื้นที่และมีการเฝ้าติดตามพฤติกรรมการโพสต์ข้อมูลหรือเขียนข้อความที่ขัดต่อคำสั่งของ คสช. ทั้งนี้ในการเชิญตัวมาปรับทัศนคติและพูดคุยทำความเข้าใจนั้น คณะทำงาน คสช.ได้ขออายัดตัวและนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งในอำนาจหน้าที่นั้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ 7 วัน จากนั้นก็จะดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ต่อไป ทั้งนี้ทั้ง 2 ถูกเชิญตัวที่ขอนแก่น หากมีการสอบสวนและผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์โดยมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนแล้วนั้นจะต้องถูกส่งตัวมาขึ้นศาลทหารที่ มทบ.23 ตามพื้นที่ที่เกิดเหตุต่อไป