“คสช.”แจง ทหารควบคุมตัว ปชช.10 ราย ผิดพ.ร.บ.คอมฯ-จ่อสอบขัดกม.ประชามติ(คลิป)

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวประชาชน 10 คน ซึ่ง 8 รายในพื้นที่กรุงเทพมหานครในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) และอีก2รายที่ค่ายมณฑลทหารบกที่ 23 ( มทบ.23) จ.ขอนแก่น ว่า เป็นไปตามการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียมาโดยตลอด พร้อมทั้งมีหลักฐานที่สมบูรณ์ในการเอาผิดทางคดีได้ แต่ในตอนนี้อยู่ในขั้นตอนแรกคือทหารจะควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวตาม มาตรา44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) ซึ่งคุมตัวไม่เกิน7 วัน เพื่อพูดคุยขอความร่วมมือ และสอบสวนร่วมกันระหว่าง คสช. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่วนการตั้งข้อนั้นตอนนี้ยังไม่มีการตั้งข้อหา เพราะต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อน อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นจากการสอบพฤติกรรมในการใช้สื่อนั่นเข้าข่ายผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ส่วนจะเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ พ.ศ2559 หรือไม่นั้นขณะอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่าขอย้ำว่าอยากให้ทุกภาคส่วนระมัดระวังความคิดเห็นส่วนจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่นั้นทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะชี้แจงรายละเอียดอีกที ทำนองเดียวกันนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านการเลือกตั้ง ออกมาระบุว่าสามารถแสดงความเห็นได้แต่ต้องระวังในเรื่องรายละเอียดของเนื้อหาเพื่อไม่ให้ขัดต่อกฎหมาย สำหรับการติดตามกลุ่มต่างๆที่เคลื่อนไหวในการทำประชามตินั้น ทางเจ้าหน้าที่จะพิจารณาในภาพกว้างๆไม่เจาะจงกลุ่มใดเป็นพิเศษแต่จะดูทุกเรื่องทุกประเด็น

เมื่อถามว่าบุคคลทั้ง2 ที่ถูกคุมตัวที่ ขอนแก่นมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าว ตนยังไม่ได้รับข้อมูลแต่คาดว่าขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนที่นายจตุพร ออกมาระบุว่าทีมงานตนถูกคุมตัวไปในชุดดังกล่าว ตนยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ต้องรอผลการสอบสวนก่อนแล้วจะชี้แจงให้ทราบว่ามีข้อมูลอย่างไร

เมื่อถามว่าจากกรณีดังกล่าวทางกลุ่มพลเมืองโต้กลับจะออกมาชุมนุม ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทาง คสช จะดำเนินการอย่างไร พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ขอย้ำว่าการเคลื่อนไหวๆใดๆจะต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย เชื่อการออกเคลื่อนไหวดังกล่าวคนในสังคมคงไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ก็จะทำตามกรอบกฎหมายที่มี หากมีการนัดรวมตัวกันไม่ถึง5คนตามที่ระบุในกฎหมายแต่หากตรวจสอบแล้วมีพฤติกรรมใกล้เคียง หรือเข้าข่าย หรือพฤติกรรมรวมกลุ่มเดียวกันเราจะมองที่เจตนาเป็นหลัก

Advertisement

“การที่เจ้าหน้าที่ไปเชิญบุคคลเพื่อขอความร่วมมือ เพื่อไม่ให้มีการขัดขืน ซึ่งเป็นการกระทำอย่างเปิดเผย เพียงแต่ข้อมูลในโลกโซเชียลมิเดียนั้นต้องการดึงความสนใจให้มองว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ผมย้ำว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกรอบกฎหมาย รวมทั้งเปิดเผยว่าทุกคนยังอยู่ในการคุมตัวของเจ้าหน้าที่ไม่ได้อุ้มหายไปไหน ทุกคนยังอยู่ และการถูกควบคุมตัวก็มีที่มาที่ไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ”โฆษก คสช. กล่าว และว่า สำหรับรายชื่อทั้ง 10 คนนั้นตนยังไม่ขอเปิดเผยรอการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนจะชี้แจงอีกที

ทั้งนี้ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ก่อนนำตัว นายหฤษฎ์ มหาทน อายุ 25 ปี และนายนิธิ กุลทัศนศิลป์ อายุ 26 ปี จากขอนแก่นมายัง มทบ.11 ที่กทม.นั้น ทั้งสองคนได้ถูกนำตัวไป ที่เรือนรับรอง มลฑลทหารบกที่23 ค่ายศรีพัชรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น (กกล.รส.จว.ขอนแก่น) เพื่อพูดคุยและทำความเข้าใจ ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่กรุงเทพมหานคร   ซึ่งการเชิญตัวดังกล่าวนั้น เนื่องจากทั้ง 2 มีข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังจากคณะทำงานมีการตรวจพบว่า มีการโพสต์ข้อความในเชิงต่อต้านการทำงานของรัฐบาล โดยในการเชิญตัวดังกล่าวนี้นั้น เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติงานไม่ได้มีการกระทำอันตรายใดๆ ทั้งทางกายและจิตใจ ไม่ได้รับความเสียหายต่อสิ่งของแต่อย่างใด และทั้ง 2 ได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี

Advertisement

ด้านนายอภินันท์ จันทร์อุปาละ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น กล่าว่า การที่มีการโพสข้อความ ที่ชักไม่ให้ออกไปลงประชามติออกเสียงร่างรัฐธรรมนูญ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายในมาตรที่ 61 วรรค 2 ดังนั้นฝากเตือนประชาชนที่จะใช้เฟซบุ๊คหรือไลน์โพสข้อความที่เข้าข่ายไม่ให้ออกไปลงประชามติแล้ว ยังมีความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์กับความผิด และเรื่องที่เกิดนั้น ทาง กกต. จังหวัดขอนแก่น ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการรณรงค์ออกไปใช้สิทธิ์ออกเสียงประชามติในการัรบร่างรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคมนี้แต่อย่างใด ซึ่งจังหวัดขอนแก่นตั้งเป้าหมายประชาชนจะมาออกเสียงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีสิทธิ์ออกเสียง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image