จากกรณีนายอานนท์ นำภา กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นัดหมายประชาชนมายืนเฉยๆ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อกรณีทหารบุกจับประชาชนเนื่องจากมีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ นำไปสู่การใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวไปสน.พญาไท รวมทั้งสิ้น 16 ราย เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการปล่อยตัวผู้ร่วมกิจกรรม นัชชชา กองอุดม นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ หนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรม ยืนเฉยๆ ได้โพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊คส่วนตัวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า
“คำว่ามันไม่ใช่ผู้หญิง มันเป็นผู้ชาย คำครหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชายท่านนั้น ยังดังอยู่ในหัวเหมือนถูกด่าซ้ำๆ
เหตุการณ์หลังจากการถูกจับกุมตัวที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถูกนำตัวขึ้นรถโดยมีจนท.หญิงสองคนตามประกบ น้ำตาไหลออกมาจากความอัดอั้นหลังถูกจนท.ชายท่านนั้นต่อว่า เสียใจมากๆกับคำพูดนั้นจนต้องระบายกับตำรวจหญิงสองท่านที่จับกุมตัว ถึงเหตุที่เขาต้องต่อว่าเกี่ยวกับเพศเราขนาดนั้นทั้งๆที้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใดๆเลย
หลังจากมาถึงห้องสอบสวนสน.พญาไท มีป้าๆ พี่ๆหลายๆคนถูกจับไปก่อนหน้า กำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน เราเข้าไปถึงเขาก็ถามทักทาย “นัชชชาเป็นไงบ้างลูก” เราได้ยินคำนั้นพูดไรไม่ออก ในใจรู้สึกอัดอั้นอยากเล่ามากๆ ร้องไห้ไม่หยุดเลย
มันอาจระบายออกมาเป็นคำพูดไม่หมด เพียงคำว่า “มันเป็นผู้ชาย”เท่านั้นหรอที่เราร้องไห้ บางคนอาจจะบอกว่า มันก็ถูกแล้วหนิ เธอเป็นผู้ชาย แต่ดิฉันยืนยันว่าฉันไม่ใช่ผู้ชาย และคุณก็ไม่มีสิทธิมานิยามเพศของดิฉัน เรื่องนี้ไม่ใช่การเรียกโดยบริสุทธิ์ใจ วันนี้คุณได้ละเมิดสิทธิทางร่างกายของดิฉันแล้ว สิ่งที่สำคัญคุณยังละเมิดสิทธิทางเพศและความเป็นคนของฉันอีก”
ทั้งนี้ก่อนหน้ามีผู้ร่วมเหตุการณืได้โพสต์ถึงเหตุการณืดังกล่าว โดยระบุว่า “นาทีสุดท้ายก่อนน้องนัชชาจะถูกลากขึ้นรถ… ทันใดนั้น ได้ยินเสียงจากตำรวจเพศชายท่านหนึ่ง… “เรียกมันว่าผู้ชาย มันไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องให้ตำรวจหญิงมาจับมัน” …ครับ ไม่ใช่แค่เอาสิทธิในการแสดงออกของน้องเค้าไป แต่ยังเอาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของน้องเค้าไปด้วย…” ซึ่งมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นและแชร์ต่อจำนวนมากว่า เป็นการเหยียดเพศที่ 3 อย่างร้ายแรง
