‘จตุพร’ เดือด ถูกโยงในผัง จากจ้างทำเพจกลายเป็นภัยความมั่นคง เตือนระวังดาบนี้คืนสนอง

(แฟ้มภาพ) จตุพร พรหมพันธุ์

“จตุพร” เดือด ถูกโยงในผัง จากจ้างทำเพจกลายเป็นภัยความมั่นคง ลั่น “เอาเลยอยากขังก็ขัง” ยันไม่กลัวเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เตือนระวังดาบนี้คืนสนอง เชื่อปัญหานี้จะนำไปสู่การทำประชามติ บอกใกล้จะหมดความอดทนแล้ว-อย่าไล่ให้จนตรอก

เมื่อวันที่ 29 เมษายน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ว่า ทหารและตำรวจแถลงข่าวควบคุมพลเมืองเน็ตทั้ง 8 คน ในข้อหาผิดกฎหมายอาญามาตรา 116 และกฎหมายคอมพิวเตอร์ แต่สร้างผังโยงตนไปเป็นผู้ว่าจ้างให้ทำเพจเฟซบุ๊ก โดยไม่มีความผิดนั้น จึงเท่ากับถูกกลั่นแกล้งและใกล้หมดความอดทนแล้ว ทั้งนี้ การแถลงข่าวของตำรวจ-ทหาร นำโดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเกี่ยวกับการจับกุมพลเมืองเน็ตทั้ง 8 คน แล้วสร้างผังโยงใยมาถึงตนเป็นผู้ว่าจ้างนั้น ความจริงแล้วข้อมูลที่นำมาสร้างผังกล่าวหากัน ทหารไปขอจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ และหนังสือพิมพ์นี้ก็เอามาจากเพจรายการมองไกล ดังนั้นสำนวนกล่าวหาตนตามผังจึงมีเพียงเท่านี้ ไม่มีอะไรสำคัญจนเกี่ยวข้องกับภัยความมั่นคงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 เลย

“น.ส.ณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์ หรือนัท และนายนพเก้า คงสุวรรณ หรือนพ เป็นลูกน้องของตน เป็นฟรีแลนซ์มาดูแลเพจให้ตน และเพจพีซทีวีด้วย โดยสถานีพีซทีวีเป็นคนว่าจ้างให้มาดูแล มีหลักฐานการจ้างเงินชัด ไม่มีอะไรซับซ้อน การว่าจ้างคนทำเพจผิดกฎหมายข้อไหน เนื้อหารายการมองไกล และถ้อยคำสรุปในเฟซบุ๊กของตนผิดตรงไหน รวมทั้งการจ้างคนผิดตรงไหน ซึ่งเป็นสิทธิ์ชอบธรรม โดยตนไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แต่เบื้องหน้า แถลงข่าวเหมือนตนเป็นอาชญากร ใหญ่มาจากไหน เรื่องมีเพียงเท่านี้ แล้วไปๆ มาๆ ทำให้เพิ่มเป็นคดีมาตรา 112 อีก” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ตนอยากจะบอกว่า การเป็นคนสาธารณะนั้น ย่อมถูกล้อเลียนกันได้ ตนถูกมามากแต่ไม่เคยฟ้องกลับใครเลย เพราะการเป็นคนสาธารณะต้องถูกแตะต้องได้ หรือผู้มีอำนาจแตะต้องไม่ได้เลย แต่การแถลงข่าวกลับพยายามโยงใยให้นายธนวรรธน์ บูรณศิริ หรือ วา ซึ่งเคยร่วมงานกับพีซทีวีชูบัตร แล้วจะนำมาเป็นเหตุเล่นงานโยงใยกันตามผัง อย่างไรก็ตาม การเอาข่าวจากหนังสืพิมพ์มาทำผัง และประโคมโหมกันเหมือนบ้านเมืองมีเรื่องใหญ่โตแล้ว ทั้งที่เพจแพร่มาตั้งนาน และเป็นเพจสื่อสารความคิดเห็นทางการเมืองของตน เป็นการสื่อสารทางเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ สำนวนการสอบสวนข้อหาไม่มีเรื่องเกี่ยวกับตนเลย แต่โยงไปเป็นคนว่าจ้างทำเพจ

Advertisement

“ผมไม่รู้หนทางข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น ถ้าถูกขังด้วยข้อหาเฮงซวยแบบนี้ ผมขอสั่งเสียว่า จงใช้ชีวิตและอิสระภาพของผมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปสู่สิ่งงดงาม การแถลงข่าว สร้างผังเพื่อพยายามอธิบายความเชื่อมโยงกันนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องทางคดีเลย ผมบอกว่านัทกับนพเป็นลูกน้อง แต่รับเงินจากพีซทีวี แล้วเจอข้อหามาตรา 116 อยากจับผมเชิญ ประเทศจะเดินหน้าแบบนี้หรือ พล.อ.ประยุทธ์ คุณจะคืนความสุขให้คนไทยแบบนี้หรือ ไหนคำสั่งจะอำนวยความยุติธรรม นี่หรือยุติธรรม ถ้าอยากมีเรื่องมาเอากับตนได้ อย่าไปเล่นงานพวกเด็กๆ และการว่าจ้างทำเพจผิดด้วยหรือ และเนื้อหาเพจผิดอะไร สำนวนสอบสวนเอามาจากหนังสือพิมพ์ เอาเนื้อมาจากผมพูด เอาเลยอยากขังก็ขัง คิดว่ากลัวนักหนาหรือ พวกผมเป็นหมู่บ้านกระสุนตก ถ้าจะเอากันแบบนี้ ไม่มีปัญหา เอาเลย ผมยืนอยู่อย่างทรนงไม่ได้ทำอะไรผิด ระวังดาบนี้คืนสนองตามโคลงของศรีปราชญ์ แต่ปัญหานี้จะนำไปสู่การทำประชามติ ถามจริงว่า จะชนะหรือ ผมเชื่อว่าแพ้ แม้ออกกฎหมายประชามติ แล้วแก้ไขเพิ่มโทษกฎหมายคอมพิวเตอร์ แล้วมาใช้กำลังอุ้มอีก แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็เชื่อว่าไม่มีทางชนะประชาชน แพ้ทางเดียวเท่านั้น” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อมาเล่นกันแบบนี้ จะเอาไปขังก็เชิญเลย รณรงค์ประชามติก็ทำไม่ได้จะมาขังอีก แต่ช่วยบอกด้วยว่า ตนผิดอะไร หรือต้องการให้ตนกลัว ไม่กลัวเพราะกลัวมาจนกล้าแล้ว หดหัวในกระดองจะตายก็ตาย แล้วทำไมจะไม่สู้กัน ย่ำยี่กันมากตนสู้ หน้าตาแบบนี้คิดว่ากลัวหรือ ตนไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่จะเอาตัวไปขัง ตนจึงไม่กลัวเลย ผ่านอะไรมามากมาย แล้วเจอผังบ้าบอแบบนี้ ตนใกล้จะหมดความอดทนแล้ว อย่าไล่ให้จนตรอก ตนจะสู้นะจะบอกให้ อย่ามองว่า จับไปขังแล้วจะจบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image