ตม.รวบ’บิ๊กยากูซ่า’ ให้ลูกน้องขู่กรรโชกเหยื่อ 600 ล้านเยน หนีกบดานไทย

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่หน้านิติบุคคลอาคารชุด เบ็ล อเวนิว 1 อาคารดี แขวงและเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่น ร่วมกันแถลงจับกุมตัว นายชูเฮอิ โยชิซาว่า (Mr.SHUHEI YOSHIZAWA) สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 34 ปี หัวหน้ากลุ่มทุนสนับสนุนแก๊งยากูซ่า หนังสือเดินทางเลขที่ TK 0412459 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเมืองโกเบะ ประเทศญี่ปุ่น ฐานความผิดฉ้อโกงโดยใช้เครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในซอยประชาสงเคราะห์ 1 แขวงและเขตดินแดง เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 1 พฤษภาคม

พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม.ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นให้ช่วยติดตามจับกุมตัวนายชูเฮอิ หนึ่งในหัวหน้ากลุ่มทุนใหญ่ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินกับแก๊งยากูซ่า “ยามากูจิ” ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมที่มีอิทธิพลที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยนายชูเฮอิเป็นประธานบริษัทมิยามา ซึ่งรับปรึกษาด้านการลงทุน มีสาขาหลายแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่มีพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมหาเงินผิดกฎหมาย โดยจะใช้ผู้ร่วมขบวนการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขู่กรรโชกทรัพย์ ฉ้อโกงเหยื่อด้วยวิธีต่างๆ ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีถึงรายละ 1 ล้านเยน นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์ร้ายแรงอื่นๆ ทางตำรวจญี่ปุ่นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิด จากการตรวจสอบระยะเวลาประมาณ 1 ปี พบผู้เสียหายจากองค์กรอาชญากรรมของนายชูเฮอิกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 600 ล้านเยน หรือประมาณ 180 ล้านบาท

และเมื่อประมาณกลางเดือนมีนาคม 2558 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโอซาก้าได้มีการปิดล้อมสำนักงานใหญ่ของบริษัท จนสามารถจับกุมตัวผู้ร่วมแก๊งได้ 25 ราย ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกแก๊งยามากูจิ แต่ขณะเข้าจับกุมนายชูเฮอิสามารถหลบหนีไปได้ และพบว่าได้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 ต่อมาทางการญี่ปุ่นได้รวบรวมหลักฐานจนพบว่านายชูเฮอิเป็นหัวหน้าขบวนการนี้ ศาลจึงออกหมายจับ และแจ้งมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศให้ช่วยติดตามจับกุม

ก.1

Advertisement

พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวต่อว่า ก่อนหน้าทางการญี่ปุ่นจะออกหมายจับ พบว่านายชูเฮอิเดินทางเข้าออกประเทศไทย 45 ครั้ง ในฐานะนักท่องเที่ยว ต่อมาได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลา 1 ปี เพื่ออุปการะภรรยาคนไทย โดยมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงที่อยู่หลายครั้งเพื่อหลบเลี่ยงการติดตามและตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยล่าสุดสืบสวนทราบว่านายชูเฮอิมีที่พักอยู่ภายในนิติบุคคลอาคารชุด เบ็ล อเวนิว 1 อาคารดี ห้องเลขที่ 131/1702 ชั้น 35 และมักจะเที่ยวตามสถานบันเทิงย่านอาร์ซีเอเป็นประจำ จึงวางกำลังติดตามพฤติกรรม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม เวลาประมาณ 02.00 น. พบนายชูเฮอิและภรรยา ขับรถยนต์มาตามถนนพระรามเก้า เมื่อรถคันดังกล่าวเลี้ยวเข้าซอยประชาสงเคราะห์ 1 นายชูเฮอิรู้ตัวว่าถูกติดตามจึงจอดรถและวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามจับกุมตัวได้ ทั้งนี้ขณะเข้าจับกุมนายชูเฮอิได้ขัดขืนการจับกุมจนทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 นาย ก่อนจะนำตัวมาตรวจค้นขยายผลที่ห้องพักภายในอาคารดังกล่าว จากการตรวจค้นพบพาสปอร์ตที่ทางสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ยกเลิกการใช้แล้ว และประสานงานมาทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพิกถอนเนื่องจากนายชูเฮอิมีหมายจับของเมืองโกเบะ จังหวัดโยโกะ ประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีเรด โนทิส อินเตอร์โพล (red notice Interpol) ด้วย หลังจากนี้จะประสานทางการญี่ปุ่นเพื่อนำตัวนายชูเฮอิกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมสืบสวนว่ามีผู้ร่วมขบวนการในประเทศไทยหรือไม่ หากพบว่าผู้ใดมีส่วนร่วมกับขบวนการดังกล่าวก็จะดำเนินการติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image