นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายว่าการให้เงินอุดหนุนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรอุดหนุนทั้งโรงเรียนของรัฐและเอกชนอย่างทั่วถึง เพราะโรงเรียนเอกชนมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระรัฐ ซึ่งแนวทางหนึ่งคือการนำคูปองการศึกษามาใช้ โดย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้มอบหมายให้ตนศึกษารายละเอียดเพื่อให้เด็กนำคูปองไปเลือกเข้าเรียน ซึ่งจะกระตุ้นให้โรงเรียนของรัฐและเอกชนแข่งขันกันพัฒนาคุณภาพ จะได้ดึงงบประมาณที่ติดตามตัวเด็กเข้าสู่โรงเรียนนั้น ถ้าจะเริ่มอย่างเร็วต้องเป็นปีงบประมาณ 2561 หรือปีการศึกษา 2560 ทั้งนี้ ต้องวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย และศึกษารายละเอียดต่างๆ ก่อน โดยตนจะดูงบประมาณเงินอุดหนุนทั้งหมดของ ศธ. เพื่อคำนวณว่าสามารถนำมาเกลี่ย และจัดสรรเป็นคูปองการศึกษาให้แก่นักเรียนได้ในอัตราเท่าไร ส่วนที่ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับลงประชามติ) ในมาตรา 54 ระบุว่ารัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลา 12 ปี ถึงชั้น ม.3 อย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายนั้น ไม่ได้หมายความว่าการอุดหนุนการศึกษาในระดับมัธยมปลาย และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จะหายไป เพราะนโยบายเรียนฟรี เรียนดี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ ยังคงมีอยู่ โดยรัฐบาลยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย
