วันที่ 2 พฤษภาคม ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายทวี นิริสศิริกุล ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ไขชยกร ศรีหล้าเดโช ผกก.หัวหิน นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายกิตติ พัฒนเจริญ ประชาสัมพันธ์จังหวัด และตัวแทนสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้เดินทางเข้าเยี่ยมติดตามอาการเจ็บป่วยของนายลูอิส โอเว่น กับภรรยา นางโรสแมรี่ เฮ โอเว่น 2 สามีภรรยาชาวอังกฤษที่ห้องรับรองชั้น 3 โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน ซึ่งเดินทางมาตรวจสุขภาพก่อนเดินทางกลับประเทศอังกฤษ จากนั้นได้ใช้เวลาพุดคุยประมาณ 30 นาที
ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้นำความรัก ความห่วงใยและความปรารถนาดีมายังสามีภริยาชาวอังกฤษ หลังถูกรุมทำร้ายขณะเดินทางมาฉลองวันเกิดลูกชาย ที่ อ.หัวหิน และได้สั่งกำชับทุกหน่วยงานให้ดูแลนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงเทศกาลสำคัญเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งทราบว่าหลังเกิดเหตุมีเด็กชาวหัวหินอายุ 10 ขวบ ได้ออกมารณรงค์ให้ชาวหัวหินร่วมกันบริจาคเงินเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับครอบครัวผู้เสียหายซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมในความมีน้ำใจ
ขณะที่ 2 สามีภรรยาชาวอังกฤษ ระบุว่า จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีก เนื่องจากเดินทางมาพักผ่อนเป็นประจำทุกปี และเข้าใจเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างดีว่าเป็นการกระทำของบุคคลเพียง 4 รายไม่ใช่คนไทยทั้งประเทศ
ด้านนายทวี นริสศิริกุล ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ในอนาคตจะมีมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการใช้มาตรการ การจัดระเบียบสถานบันเทิง การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในที่สาธารณะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากสาเหตุที่มีการรุมทำร้ายเกิดจากการเมาสุรา
ส่วน นางอรสา อาวุธคม ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า 2 สามีภรรยาชาวอังกฤษได้เดินทางเพื่อไปตรวจสุขภาพอีกครั้งที่ โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน จากนั้นจะเดินทางไปสืบพยานฝ่ายโจทก์ที่ศาลจังหวัดหัวหิน และเดินทางกลับประเทศอังกฤษในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ จากการพูดคุยล่าสุดทราบว่า 2 สามีภรรยาสามารถปรับสภาพจิตใจจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้แล้ว แต่สิ่งที่ตอกย้ำคือต้องการเห็นการลงโทษผู้กระทำความผิด ผู้ต้องหาทั้งหมดควรได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด และขอให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในอนาคตนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะต้องไม่ประสบเหตุเช่นนี้อีกในประเทศไทย
“ยอมรับว่าสาเหตุสำคัญที่บุตรชายเดินทางไปสืบพยานฝ่ายโจทก์ล่วงหน้า และ รีบเดินทางออกนอกประเทศ หลังมีการแถลงข่าวที่ สภ.หัวหิน มีการจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนที่ผ่านนั้น เกิดจากการดูคลิปความยาวเกือบ 3 นาที มีการนำมาเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ทำให้ยอมรับไม่ได้เมื่อเห็นการรุมทำร้ายที่โหดเหี้ยมจากการเมาสุรา โดยเฉพาะในจังหวะที่บิดามารดาถูกทำร้ายล้มนอนกับพื้นถนน แต่ยังมีวัยรุ่นเข้ามาเตะซ้ำที่บริเวณศีรษะ และกรณีการแพร่คลิปดังกล่าวผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างชัดเจน หากกรณีนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศจะทำให้เกิดปัญหาบานปลายอย่างมาก และต้องชี้แจงว่าคดีนี้ หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 13 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน ทำงานเต็มที่ ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการปล่อยคลิป แล้วเร่งจับผู้ต้องหาในภายหลังจนครบ 4 คน ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์“ นางอรสา กล่าว
นอกจากนี้ ด้านนายอุดมพร คชหิรัญ หรือนาท ภูวนัย ดารารุ่นใหญ่ชื่อดัง อดีตผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง และรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ไม่ให้ความสนใจการจัดระเบียบสังคมในซอยบิณฑบาต ซึ่งมีการเปิดบาร์เบียร์จำนวนมากบริเวณด้านหน้าวัดอัมพาราม และไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ เป็นสาเหตุสำคัญทำให้มีการรุมทำร้ายนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้สูงอายุชาวต่างชาติทำให้ภาพพจน์เสียหายไปทั่วโลก
“ในอดีตขณะที่ตนทำหน้าที่ได้สั่งให้ปิดสถานบันเทิงในซอยบิณฑบาต ของนายชัชชัย สุขขาวดี หรือ หรั่ง ร็อคเคสตร้า เนื่องจากไม่มีใบอนุญาต และได้รับแจ้งเหตุรำคาญจากพระภิกษุภายในวัดหัวหิน ร้องเรียนถึงกระทรวงมหาดไทยว่ามีการเปิดเพลงเสียงดังทำให้พระไม่สามารถทำกิจของสงฆ์ได้ตามปกติ แต่ปัจจุบัน ทราบว่าผู้ประกอบการบาร์เบียร์ ยังหากินได้ตามปกติและเปิดเกินเวลาที่กำหนด ขณะที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดได้ไม่เกินเที่ยงคืน” นายอุดมพร กล่าว