ผู้เชี่ยวชาญยอมรับ ยิ่งศึกษา’ซิกา’ยิ่งน่ากลัว

AFP PHOTO / LUIS ROBAYO

แพทย์หญิง แอนน์ ชูแชท ตัวแทนสำนักงานควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐอเมริกา และนายแพทย์ แอนโธนี เฟาซี ตัวแทนสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นไอเอช) ยอมรับว่า ทุกอย่างที่เกี่ยวกับไวรัสซิกา ที่กำลังระบาดอย่างหนักอยู่ในหลายประเทศในแถบทวีปอเมริกาใต้และแคริบเบียนในเวลานี้ ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นกว่าที่คาดคิดกันไว้แต่เดิมเมื่อศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับไวรัสนี้มากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดทั้งสอง ระบุว่า นอกเหนือจากการยืนยันว่าไวรัสซิกาก่อให้เกิดโรคไมโครเซฟาลีที่ทำให้พัฒนาการของสมองของเด็กทารกในครรภ์ไม่เติบโตตามปกติแล้ว นักวิจัยยังศึกษาพบว่า ซิกาอาจมีส่วนทำให้เกิดการเสียชีวิตขณะคลอดของทารกที่อายุครรภ์มากกว่า 7 เดือน หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า “การตายคลอด”, การแท้งลูก (อายุครรภ์น้อยกว่า 7 เดือน), ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับดวงตา และอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ของทารกได้ โดยปัญหาต่างๆ เหล่านี้ไม่เพียงเกิดขึ้นกับสตรีที่ตั้งครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรกเท่านั้น แต่จะเกิดขึ้นได้กับทารกตลอดช่วงการตั้งครรภ์

นอกจากนั้นทีมวิจัยด้านการแพทย์ของบราซิลรายงานไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า เป้าหมายที่ไวรัสซิกาชอบเป็นพิเศษคือเซลล์สมองที่กำลังพัฒนา โดยอาศัยสเต็มเซลล์ในการศึกษาวิจัยพัฒนาการของสมองตัวอ่อนคนในจานทดลองแล้วพบว่า ไวรัสซิกาที่ได้จากผู้ป่วยชาวบราซิลรายหนึ่ง สามารถทำลายเซลล์ประสาทที่กำลังเติบโตได้ภายในเวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้นเอง

งานวิจัยอีกบางชิ้นระบุว่า มีหลักฐานบ่งชี้ว่า ผู้ป่วยผู้ใหญ่บางคนก็อาจได้รับผลกระทบร้ายแรงจากไวรัสซิกาได้ โดยเฉพาะการเกิดอาการในกลุ่ม กิลแลง-บาร์เร ซินโดรม หรือกลุ่มอาการจีบีเอส ซึ่งมีผลวิจัยบ่งชี้ว่าเกี่ยวข้องกับไวรัสซิกาเช่นกัน กลุ่มอาการจีบีเอสเป็นอาการที่เกิดจากการที่เซลล์ประสาทถูกทำลาย ซึ่งทำให้เกิดอาการอ่อนแรง หรือเป็นอัมพาตต่ออวัยวะที่กลุ่มประสาทที่ถูกทำลายนั้นควบคุมอยู่

Advertisement

ในเวลาเดียวกัน ทีมวิจัยอีกทีมจากบราซิลพบผู้ป่วยด้วยเชื้อไวรัสซิกา 2 รายที่มีอาการสมองอักเสบ เมื่อตรวจสอบก็พบว่าปลอกเคลือบเซลล์ประสาทได้รับความเสียหายแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยเป็นโรค มัลติเพิล สเคลอโรซิส (เอ็มเอส) หรือโรคปลอกประสาทเสื่อม ที่มีอาการเรื้อรังในสมองส่วนกลางทำให้การควบคุมร่างกายไม่เป็นปกติ อ่อนแรง

ทั้งนี้ ซีดีซีออกประกาศเตือนให้สตรีมีครรภ์หรือคาดว่าจะมีครรภ์หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่แพร่ระบาด ในเวลาเดียวกันก็เตือนด้วยว่า ผู้ชายที่เคยเดินทางไปยังพื้นที่แพร่ระบาดควรใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ หรือควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะคลอดบุตร เนื่องจากไวรัสซิกาติดต่อผ่านการร่วมเพศได้อีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image