ชงใช้ ม.44 ฟัน จนท.รัฐเอี่ยว- ละเลย ปราบยาเสพติด -“บิ๊กป้อม” บูรณาการ “แผนประชารัฐร่วมใจ” 33หน่วย
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ ห้องประชุม ชั้น 2 ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณา “แผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคง ปลอดภัยยาเสพติด พ.ศ. 2559 – 2560” โดยมี พล.อ.นิวัตร มีนะโยธิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม (ป.ป.ส.) และผู้บริหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 33 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ กรุงเทพมหานคร กองทัพไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กรมประชาสัมพันธ์ เข้าร่วมประชุม
นายณรงค์ กล่าวว่า ในส่วนของการพิจารณาในที่ประชุมเห็นชอบ 2 เรื่อง คือ 1) แผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคง ปลอดภัยยาเสพติด พ.ศ. 2559 – 2560 และ 2) เห็นชอบมาตรการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งนี้ พล.อ. ประวิตร ได้ฝากให้ทุกหน่วยงานร่วมกันดำเนินการตามแผนดังกล่าวให้เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีให้นโยบายส่วนราชการ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นไว้ว่า การแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ผ่านกลไกประชารัฐบนหลักการทำงานเชิงรุก โดยให้แนวทางบนหลักการทำงานเชิงรุก ไม่ใช่รุกไปฆ่าเขา แต่ให้ใช้งานข่าวเป็นหลัก โดยขอให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติวางโครงข่ายแผนด้านการปราบปราม และขอให้ผู้ปฏิบัติทุกระดับในทุกส่วนราชการ เข้าใจปัญหาที่แท้จริงและลงพื้นที่เป็นระยะ รวมทั้งต้องมีการติดตามประเมินผล เมื่อดำเนินการไประยะหนึ่ง และนำผลปัญหาอุปสรรคมาเสนอที่ประชุมนี้ เป็นระยะ
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องมาตรการเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือปล่อยปละละเลย ประกอบด้วย 1. ในกรณี พบพฤติการณ์เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ได้แก่ มีพฤติการณ์การค้ายาเสพติด คบค้าสมาคมกับผู้ค้า ยักยอกยาเสพติด คุ้มครองเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ค้ายาเสพติด มาตรการที่ใช้คือ ให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.) เสนอ หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 โยกย้าย 2. ในกรณีที่ปล่อยปละละเลย แบ่งเป็นด้านการปราบปรามยาเสพติด ปล่อยให้มีการค้ายาเสพติดในพื้นที่ จนหน่วยนอกเข้าไปจับกุม ปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยไม่ดำเนินการใดๆ ส่วนด้านป้องกันยาเสพติด คือ การปล่อยปละละเลยให้มีการเสพการค้าในสถานศึกษา หรือสถานประกอบการ หรือการปล่อยให้เยาวชนนอกสถานศึกษาเสพยา ด้านการบำบัดรักษา คือ การไม่นำผู้เสพเข้าบำบัด ไม่คัดกรองและส่งต่อเข้าบำบัด ไม่ติดตามช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัด กลไกการดำเนินงาน
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนกรณีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ให้ ศอ.ปส. ตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ เพื่อดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้น ก่อนเสนอ ผอ.ศอ.ปส. เพื่อพิจารณาเสนอ หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ทั้งนี้ในส่วนของกรณีปล่อยปละละเลย ด้านปราบปรามยาเสพติด ให้ ผอ.ศอ.ปส. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายสั่งการให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการและรายงานภายใน 30 วัน ก่อนเสนอคณะอนุกรรมการตรวจสอบเสนอ ผอ.ศอ.ปส. เพื่อพิจารณาเสนอ หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ด้านป้องกันยาเสพติดและด้านการบำบัดรักษา ให้ ผอ.ศอ.ปส. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย สั่งการให้หน่วยงาน ต้นสังกัดดำเนินการและรายงาน 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน ก่อนเสนอคณะอนุกรรมการ อนุกรรมการตรวจสอบเสนอ ผอ.ศอ.ปส. เพื่อพิจารณาเสนอ หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 โดยกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและปล่อยปละละเลยจะต้องนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมในวันนี้เป็นการประชุมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบให้ พล.อ.ประวิตร ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยให้มีการสร้างการรับรู้และดำเนินกิจกรรมที่มีความเชื่อมโยง ทั้งด้านการป้องกัน การปราบปรามยาเสพติด และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยมีเป้าหมายสลายโครงสร้างปัญหาด้วยการลดและขจัดอิทธิพลของกลุ่มการค้ายาเสพติด รวมทั้งกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความมั่นใจและเข้าร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินมาตรการป้องกัน ปราบปราม บำบัดรักษา สามารถดำเนินการแก้ไขไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างประสานสอดคล้อง ผ่านกลไก “ประชารัฐ” โดยมีกำหนดเป้าหมายปฏิบัติทั่วประเทศ จำนวน 81,905 แห่ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ชายแดน พื้นที่ตอนใน และชุมชนเมือง
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับมาตรการการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น เป็นมาตรการหนึ่งในแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคง ปลอดภัย ยาเสพติด พ.ศ. 2559 – 2560 โดยแผนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ผ่านมานั้น ได้ดำเนินมาตรการในการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอยู่แล้ว แต่ตามแผนฯ กลไก “ประชารัฐ” ได้เพิ่มมาตรการการเอาผิดและดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย โดยกรณีที่มีการพบเห็นสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในพื้นที่จากข้อร้องเรียนทั่วไป จากข้อมูลการข่าวและการสืบสวน และจากข้อมูลของประชาชนในพื้นที่