เป็นภาพเหตุการณ์บริเวณชายทะเลกระซ้าขาว พื้นที่หมู่ 7 ต.บ้านบ่อ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งชาวบ้านกว่า 20 คนและเจ้าหน้าที่จากศูนย์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 จ.สมุทรสาคร กำลังช่วยโลมา 4 ตัวที่มาเกยตื้นพากลับลงทะเล ที่หากจากฝั่งออกไปประมาณ 500 เมตร โดยพบว่าโลมา 4 ตัวยังคงจมอยู่ในเลนและมีน้ำเหลือน้อยเต็มที บางตัวพยายามดิ้นเพื่อเอาตัวรอด แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งหมดแรง ต่อมาชาวบ้านต้องใช้เลื่อยตัดไม้ไผ่ชะลอคลื่นออกเป็นช่องขนาดประมาณ 50 ซม. จากนั้นนำผ้าใบมาห่อโลมาทีละตัว แล้วค่อยๆ พาออกมาตามช่อง ก่อนที่จะช่วยกันพยายามนำไปปล่อยจนสำเร็จตรงริมทะเลน้ำลึกที่อยู่ห่างจากแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่นออกไปอีก 500 เมตร
ท้ังนี้ การช่วยเหลือนั้นก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะสภาพดินเลนที่ดูดเท้า อีกทั้งโลมาก็มีขนาดตัวใหญ่ น้ำหนักมาก ทำให้ยกกันลำบาก โดยโลมา 1 ตัวต้องใช้คนยกไม่ต่ำกว่า 5 คน ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด นอกจากจะทำให้กำลังคนลดน้อยถอยลงแล้ว โลมาเองก็เริ่มอ่อนแรงลงเพราะจมูกดูดเอาเลนเข้าไป อีกทั้งโลมาก็ยังต้องทนกับอากาศร้อนซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายกับโลมาอย่างมาก ซึ่งกว่าจะช่วยออกไปปล่อยได้ทั้ง 4 ตัวก็ใช้เวลานานกว่า 3 ชม. นอกจากนี้ยังมีอีก 1 ตัวที่ชาวบ้านได้ช่วยกันนำไปปล่อยได้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เป็นลูกโลมาตัวเล็ก จึงทำให้ช่วยชีวิตได้ง่าย ซึ่งเมื่อลูกโลมาออกไปสู่ทะเลน้ำลึกแล้วก็ยังไม่ยอมไปไหน ยังคงว่ายวนเวียนรอครอบครัว สำหรับโลมาที่พบทั้ง 5 ตัวนี้เป็นสายพันธุ์อิรวดี พบได้มากในพื้นที่ทะเลใกล้ชายฝั่ง จ.สมุทรสาคร
ชาวบ้านบอกว่าฝูงโลมาจะว่ายน้ำเข้ามาหากินบริเวณชายฝั่งอยู่เป็นประจำ ไม่ต่ำกว่า 2-3 ตัว ส่วนโลมาทั้ง 5 ตัวที่เข้ามาเกยตื้นนี้เป็นโลมาฝูงใหญ่และคาดว่าน่าจะเป็นโลมาครอบครัวเดียวกัน แต่ละตัวมีน้ำหนักประมาณ 150 กก. ขนาดตัว 2 เมตร อายุก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 4-5 ปี ยกเว้นลูกโลมาที่ช่วยออกไปก่อนแล้วตัวแรกที่น่าจะมีอายุประมาณ 1 ปี
นายกฤตกร แซ่เอี๊ยบ ที่ปรึกษาเครือข่ายรักษ์อ่าวไทยตอนบน และเป็นชาวประมงชายฝั่งแถบกระซ้าขาวบอกว่า การพบโลมาเข้ามาเกยตื้นนั้นมีอยู่บ่อยครั้งเนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งที่เป็นอาหารของโลมานั่นเอง ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่พบโลมาเกยตื้นนั้นอันดับแรกเลยคือ การโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ผู้นำพื้นที่ให้ได้รับทราบก่อน พยายามเอาน้ำลูบตามลำตัวเพื่อคลายความร้อนให้แก่โลมา แต่อย่าสาดน้ำที่มีโคลนดำใส่จมูกโลมาอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้โลมาตายลงได้ ส่วนการช่วยเหลือก็ต้องนำผ้าพลาสติกมาห่อตัวแล้วค่อยๆ พาลงทะเลน้ำลึก หากเราดันตัวปลาโดยไม่มีอะไรห่อไว้ จะทำให้เกิดแผลตามลำตัวและตายลงได้ ทั้งนี้ โลมาที่เข้ามาเกยตื้นหากได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกวิธีและทันท่วงที ก็จะมีโอกาสรอด 80-100% อย่างเช่นฝูงโลมาทั้ง 5 ตัวนี้ เชื่อได้ว่าจะมีชีวิตรอดอย่างแน่นอน
