ปลัดยธ.ย้ำกลางเวที ยูพีอาร์ ไทยเคารพข้อผูกพันทางประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

ในการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนตามกลไกยูพีอาร์ ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวนำเสนอรายงานยูพีอาร์ รอบที่ 2 ต่อที่ประชุมคณะทำงานยูพีอาร์ สมัยที่ 25 เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม โดยระบุว่า ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะสนับสนุนและปกป้องสิทธิมนุษยชนของประชาชน และนายกรัฐมนตรีเองก็เน้นย้ำอยู่บ่อยครั้งว่า แม้ว่าแต่ละคนจะเกิดมาต่างกัน อาจจะมีความสามารถในการเข้าถึงการศึกษาและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีที่ไม่เท่ากัน แต่สิ่งสำคัญคือทุกคนจะต้องมีความเท่าเทียมกันทางกฎหมาย โดยรัฐบาลเองต้องการทำให้มั่นใจได้ว่าทุกคนจะเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน

รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวของไทยรับประกันเกียรติ ศักดิ์ศรี สิทธิ เสรีภาพและความเท่าเทียมกันของทุกคน โดยในส่วนเฉพาะว่าด้วยเรื่องสิทธิและเสรีภาพได้ถูกบรรจุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีการทำประชามติกันในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อเปิดทางให้กับคนไทยได้ไตร่ตรองถึงอนาคตของประเทศชาติ

โดยจากการนำเสนอรายงานรอบแรก ไทยได้ตอบรับข้อเสนอแนะจากคณะทำงานยูพีอาร์ และในช่วง 4 ปีครึ่งที่ผ่านมาไทยได้มีส่วนร่วมในหลายสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และยังคงพยายามต่อไปเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

โดยไทยไม่ได้ทำงานแค่ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศเท่านั้น แต่ยังช่วยเหลือบุคคลที่ไม่ใช่คนไทย โดยไทยยังคงให้ที่พักแก่บุคคลไร้ที่อยู่อาศัยนับแสนคนจากประเทศพม่ามานาน 4 ทศวรรษอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของวิกฤตผู้อพยพในมหาสมุทรอินเดีย ประเทศไทยก็ได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประเทศและองค์กรต่างๆ

Advertisement

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าและการพัฒนาในทางบวกในหลายด้าน แต่ไทยก็รับรู้ว่ายังมีข้อท้าทายที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งเป็นเหตุผลให้ไทยใช้ความพยายามอย่างเต็มความสามารถในการเสริมสร้างสาธารณูปโภคด้านสิทธิมนุษยชนและพัฒนากรอบทางกฎหมายที่จำเป็น ไทยยังคงดำเนินการต่อไปเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรโดยความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ไทยยังจำเป็นต้องสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชนต่อไป และไทยต้องนำสิทธิมนุษยชนมาประกอบการพิจารณาในการจัดทำนโยบายและการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนไม่ใช่งานของรัฐบาลแต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นงานของทั้งประเทศโดยรวม ความตระหนักรู้และความเข้าใจถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนจะช่วยให้สาธารณชนรับรู้และปกป้องสิทธิของตน รวมทั้งไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น

ในระยะเวลาอันสั้นไทยมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการเอาชนะต่อปัญหาข้อท้าทายทางการเมืองซึ่งส่งผลให้เกิดการแบ่งแยกทางสังคมและความขัดแย้งเป็นระยะเวลานานหลายปี แต่เป็นที่แน่นอนว่าข้อท้าทายดังกล่าวไม่อาจได้รับการแก้ไขภายในระยะเวลาอันสั้น ในขณะเดียวกัน ได้มีการดำเนินการปฏิรูปภายในประเทศอย่างเต็มรูปแบบเพื่อที่จะพัฒนาสาธารณูปโภค เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสาธารณะ และแก้ไขปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน เช่น การทุจริต ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

จากการที่ได้มีการแสดงข้อกังวลต่อการจำกัดเสรีภาพการแสดงออก การกำหนดข้อจำกัดต่างๆ จะมีขึ้นเพียงในระดับเท่าที่จำเป็นเพื่อคงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประชาชนและป้องกันการแบ่งขั้วที่จะได้เกิดขึ้น สาธารณชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบและสามารถที่จะดารงชีวิตและใช้สิทธิต่อไปได้ ซึ่งรวมถึงเสรีภาพการแสดงออก เป็นที่แน่นอนว่าข้อท้าทายที่สำคัญคือการคงไว้ซึ่งความสมดุลในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันกับการไม่บั่นทอนการใช้สิทธิ เสรีภาพต่างๆ โดยเฉพาะในอันที่เกี่ยวกับการกระทำตามศรัทธาและเจตนาที่ดี

Advertisement

“กระผมขอให้การยืนยันอีกครั้งว่าจะให้ความเคารพต่อข้อผูกพันทางประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และหลักสิทธิมนุษยชนอย่างแรงกล้า และไทยจะไม่ผันแปรไปจากแนวทางนี้”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image