ฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุก 10 ปี เจ้าของโรงงานลำไยระเบิด หลังสู้กันนานถึง 17 ปี

วันที่ 27 พฤษภาคม  ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 15 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ นายชมเชษบ์ จรัสกร ผู้พิพากษานั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาตัดสินคดีอาญา หมายเลขคดีดำที่ 5822/2542 เหตุโรงงานอบลำไยระเบิด ที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 2542 หรือ 17 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคดีสะเทือนขวัญเพราะมีผู้เสียชีวิต 36 ราย และบาดเจ็บ 102 ราย บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหาย 571 หลัง ซึ่งพนักงานอัยการพร้อมครอบครัวผู้เสียชีวิต 25 ราย เป็นโจทก์ร่วมฟ้องบริษัท หงไทยเกษตรพัฒนา จำกัด เจ้าของโรงงานที่เกิดเหตุ เป็นจำเลยที่ 1 พร้อมจำเลยที่ 2 นายประธาน ตรีฉัตร ผู้จัดการ จำเลยที่ 3 นายเชิดพันธ์ ฉันทะโรจน์ศิริ ประธานกรรมการบริหารบริษัทฯ และจำเลยที่ 4 นายลี หงเหิน หุ้นส่วนชาวไต้หวันซึ่งหลบหนีไปแล้วหลังเกิดเหตุ

ศาลพิพากษาสั่งลงโทษจำเลยที่ 1 บริษัท หงไทยเกษตรพัฒนา จำกัด ปรับเป็นเงิน 60,000 บาท จำเลยที่ 2 นายประธาน ตรีฉัตร ผู้จัดการฯ จำคุก 6 ปี 10 เดือน 20 วัน จำเลยที่ 3 นายเชิดพันธ์ ฉันทะโรจน์ศิริ ประธานกรรมการบริหารบริษัทฯ จำคุก 10 ปี 2 เดือน และจำเลยที่ 4 นายลี หง เหวิน หุ้นส่วนชาวไต้หวัน จำคุก 10 ปี แต่จำเลยที่ 3 และ 4 หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาจึงออกหมายจับ

ทั้งนี้ในวันนี้มีเพียงนายประธาน ตรีฉัตร ผู้จัดการฯ ซึ่งตกเป็นจำเลยที่ 2 เดินทางมาฟังคำพิพากษา จึงถูกเจ้าหน้าที่ใส่กุญแจมือและคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามคำสั่งศาลในทันที

201605271418012-20021028190355

Advertisement

น.ส.รัชนี นิลจันทร์ ผู้ประสานงานกรณีโรงงานลำไยระเบิด เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจในคำตัดสินวันนี้ เพราะชาวบ้านต่อสู้มาอย่างยาวนานมาก ยาวจนคนทั่วไปคิดว่าคดีนี้จบไปแล้วด้วยซ้ำ จากคำพิพากษาศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ตัดสินว่า จำเลยมีความผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิตจริง ทั้งนายจ้างชาวไต้หวันและคนไทย แสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมพึ่งได้ จากนี้ไปก็จะนำคำพิพากษาไปยื่นเพื่อดำเนินการเรียกร้องคดีทางแพ่ง เพื่อชดใช้และเยียวยาชาวบ้านที่สูญเสียต่อไป

นายสุมิตรชัย หัตถสาร หรือ ทนายแย้ กล่าวว่า จะนำคำพิพากษาศาลฎีกาไปแถลงให้ศาลทราบ เพื่อดำเนินการในส่วนของคดีแพ่งภายใน 1-2 เดือนนี้ และคดีนี้คงยุติได้โดยเร็ว จากความเสียหายที่เรียกร้องไป 206 ล้าน จากผู้เสียหาย 400 กว่าราย

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตเดินทางมารอฟังการอ่านคำพิพากษาตามนัด ต่างแสดงความยินดีที่คดีอาญาจบลงแล้ว แม้บางรายจะระบุว่า จำเลยถูกจำคุกน้อยเกินไปกับความสูญเสียของครอบครัว เช่นลุงวรรณ ตาจุมปา บอกว่า ไม่เจอแม้แต่ศพลูก ได้รับเพียงโลงเปล่าๆ ไปบำเพ็ญกุศล เป็นความเจ็บปวดแสนสาหัสของคนจน จากนี้ไปก็รอว่าจะได้รับการเยียวยาจากคดีแพ่ง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image