หากมองผ่าน แนวรบ”ด้านตะวันตก” สถานการณ์อาจยัง”ไม่เปลี่ยน” เพราะนั่นเป็นของ อีริค มาเรีย เรอมาร์ค
แต่กล่าวสำหรับสถานการณ์ด้าน พระเทพญาณมหามุมี(ธัมม ชโย)
สถานการณ์ได้”เปลี่ยน”ไปแล้ว
หากดูจาก”ท่าที” ของ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)
ก็”สัมผัส”ได้
ยิ่งหากดูจาก”ท่าที”ของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ยิ่งเปิดเผย ไม่ปิดบังอำพราง
เพราะเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ทำท่าว่าเรื่องน่าจะจบลงเมื่อผ่านการหารือกับ พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขตในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
ไปไม่ไกลมากกว่านั้น
ทั้งๆที่ไม่ว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ไม่ว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง มีเป้าหมายไกลอย่างยิ่ง
หากแต่อาศัยอาวุธ “วิถีโค้ง”
นั่นก็คือ ทำหนังสือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)
เพื่อเชื่อมเข้า “มหาเถรสมาคม”(มส.)
เพื่อต่อสายไปยัง สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปุญ โญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
แต่ทั้งหมดถูก”ตัดสาย”เหี้ยนเตียนหมด
มิใช่วิศวกรหรือช่างไฟจากสำนักไหน หากแต่เป็น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
อาศัย”กฎหมาย”เป็น”ตะไกร”คมกริบ
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็น “เครือข่าย” อันทรงพลานุภาพในทางการ เมืองของ พระเทพญาณมหามุนี(ธัมมชโย)อย่างนั้นหรือ
มิใช่หรอก
ต่อให้มี”พลานุภาพ”มากมหาศาลสักเพียงใด หากแต่เมื่อกระทำผิดกฎหมายย่อมไม่ถูกละเว้น
เพียงแต่ “ดีเอสไอ”สะดุด”ขา”ตัวเองเท่านั้น
ความจริง การรับทราบ”ข้อหา”จะใช้วิธีการแบบใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องให้เดินทางไป “ดีเอสไอ”ทางเดียว
“ดีเอสไอ”ไปยื่น”ข้อหา”ให้ก็ได้
ที่กลายเป็น “เพชรพระอุมา” ขึ้นมาก็เพราะ”ดีเอสไอ”แปรรูปเป็น “กรมเจ้าท่า”
ทั้งที่ทาง”วัดพระธรรมกาย” ร้องเวลคัม เวลคัม
ยิ่งตระเตรียมสนธิกำลังตำรวจ ทหารมากกว่า 2,000 นาย ยิ่งเป็นเรื่องอึกทึกครึกโครม เหมือนกับร้องขออากาศยานไร้คนขับ”โดรน”ราวกับปฏิบัติการของ”ซีไอเอ”
ก็เลยต้องสะดุด”โดรน” หกคะเมนตีลังกา
