กรมอุทยานฯผงะอีกยึดหนังเสือโคร่ง 2 ผืน พร้อมตะกรุดหนังเสือ 1,000 ชิ้น-ล็อกเกตเขี้ยวเสืออีกเพียบ พระกับศิษย์วัดเตรียมขนหนีเจอเจ้าหน้าที่ดักสกัด ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าชี้ยังมีชิ้นส่วนเสือซุกตามกุฏิอื้อกำลังเร่งตรวจสอบ พร้อมขยายผลตรวจสอบสวนเสือเอกชนหากมีการแจ้งเบาะแส เร่งขนย้ายเสือโคร่งให้เสร็จภายใน 4 มิ.ย.
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นางเตือนใจ นุชดำรงค์ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยความคืบหน้าการขนย้ายเสือของกลางจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน จ.กาญจนบุรี จำนวนทั้งหมด 137 ตัว ว่า วันนี้เป็นวันที่ 4 ของการขนย้ายเสือ ซึ่งทำการขนย้ายไปแล้ว 64 ตัว วันนี้คาดว่าจะได้อีก 20 ตัว ทั้งนี้หากไม่พบปัญหาใดๆ เกี่ยวกับการขนย้ายเสือ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพเสือ หรือการต่อต้านของเจ้าหน้าที่วัด คาดว่าจะขนย้ายแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 มิ.ย. นี้
นางเตือนใจ กล่าวอีกว่า เสือของกลางทั้งหมดนี้จะนำไปดูแลที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง ซึ่งสามารถดูแลเสือได้สูงสุด 90 ตัว และที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน สูงสุดได้ 60 ตัว โดยหลังจากนี้กรมอุทยานฯ จะทำการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเสือของกลางทั้งหมดว่าตรงตามที่ทางวัดได้แจ้งมาหรือไม่ เบื้องต้นคาดว่าเสือของกลางทั้งหมดเป็นเสือพันธุ์เบงกอล เนื่องจากในปี 2544 ที่ทางวัดขอรับฝากไปเลี้ยงนั้น มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เป็นเสือเบงกอลมีที่มาจากประเทศอินเดีย และเนปาล จึงถือเป็นเสือต่างถิ่น ดังนั้นกรมอุทยานฯ จึงจำเป็นที่ต้องเลี้ยงดูเสือของกลางเหล่านี้จนกว่าเสือจะตาย เนื่องจากเป็นเสือที่ถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีสัญชาตญาณในการล่า หรือเอาตัวรอดได้ และยิ่งเป็นเสือต่างถิ่นอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอื่นๆ จึงไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้
ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวถึงกรณีพบซากของลูกเสือ 40 ซาก ซากหมีขอ 1 ซาก เขาวัว 1 เขา ซากเขากวาง และอวัยวะสัตว์อีกจำนวนหนึ่งในตู้เย็นแช่แข็งว่า เบื้องต้นได้แจ้งความเพิ่มเติมกับทางวัดฐานครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 19 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ซึ่งจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีหน้าที่สอบสวนว่าทำไมต้องมีการเก็บซากสัตว์เหล่านี้ไว้ มีจุดประสงค์เพื่อการค้าหรือไม่ เนื่องจากอวัยวะทุกส่วนของเสือล้วนมีมูลค่าทั้งหมด ซากลูกเสือตั้งแต่ 1-2 เดือนมีมูลค่าถึงหลักแสน บางประเทศยังมีความเชื่อในการนำไปเป็นเครื่องรางของขลัง หรือนำไปบดเป็นยาจีน เป็นต้น ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
“ตามระเบียบของกรมอุทยานฯ หากเสือตายทางวัดต้องแจ้งให้กรมอุทยานฯ รับทราบ เพราะจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำลายซากสัตว์เหล่านี้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ จะไม่มีการนำชิ้นส่วนใดๆ ไปหาประโยชน์โดยเด็ดขาด แต่ทางวัดกลับไม่แจ้งการตายให้ทางกรมอุทยานฯ ได้รับทราบเลย” ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าว
นางเตือนใจ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจรถที่กำลังจะขับออกจากวัด ภายในรถพบพระสงฆ์ 1 รูปและลูกศิษย์วัดเป็นคนขับ เจ้าหน้าที่ได้ทำการขอตรวจค้นพบหนังสือโคร่งสภาพสมบูรณ์ 2 ผืน ตะกรุดบรรจุหนังเสือโคร่งประมาณ 1,000 ชิ้น ล็อกเกตเขี้ยวเสือ 8-9 ชิ้น นอกจากนี้ยังพบเขี้ยวเสืออยู่ในบาตรพระและซากลูกเสือดองซ่อนกระจายตามกุฏิพระและบริเวณถ้ำที่ทำเป็นออฟฟิศโดยกำลังตามรวบรวมและนับจำนวนว่ามีทั้งหมดแล้วเท่าไร ส่วนจะมีการขยายผลตรวจสอบไปยังสวนสัตว์เอกชนหรือสวนเสืออื่นๆ ที่มีการเพาะเลี้ยงเสือหรือไม่นั้น สำหรับสวนสัตว์เอกชนหรือสวนเสืออื่นๆ เรามีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว และก็มีการแจ้งรายงานจำนวนเสือมาที่กรมตลอด แต่หากมีเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายก็พร้อมเข้าไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของวัดเสือที่เราเพิ่งพบการกระทำผิดในตอนนี้ เพราะที่ผ่านมาวัดไม่ค่อยอำนวยความสะดวกในการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้รับรายงานเพิ่มเติม ว่าพบสิ่งผิดกฏหมายเพิ่มอีกทั้งซากสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ทางวัดทำขาย เป็นลูกเสือดองยา กว่า 24โหล สิงโต 2 โหล และ หมีควาย1 โหล นอกจากนี้ ยังตรวจพบไม้แปรรูปแผ่นใหญ่จำนวนมากทึ่บริเวณเขตวัดกำลังประสานกรมป่าไม้
