วันที่ 11 มิถุนายน ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.ต.สาคร ทองมุณี รอง ผบช.ศชต. แถลง พ.ต.ท.พรชัย สุวรรณวงศ์ รองผู้กำกับการ สืบสวนสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศชต. ร่วมแถลง โดย 10 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ สภ.หนองจิก ได้ร่วมกันทำการสืบสวนจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ จับกุมนายดำรง หรือบอย ศรีสว่าง อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 9 ถ.ผลอุทิศ ซ.7 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา และนายภูมิพัฒน์ หรือมาย ปานเหล่ อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 76 ถ.วีระศักดิ์ราษฎร์พัฒนา ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง พร้อมยาบ้าของกลางรวม จำนวน 68,000 เม็ด รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน 3997 สงขลา โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมจับกุมผู้ต้องหา ที่บริเวณริมถนนสาย 418 (ยะลา-ปัตตานี) หมู่ที่ 4 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อเดือนเมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันทำการสืบสวนจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดปัตตานีได้พร้อมของกลางยาเสพติดและของกลางอื่นๆ จำนวนหลายรายการ หลังจากนั้นได้มีการสืบสวนขยายผลเพื่อทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้อง และจากการสืบสวนขยายผลทราบว่ายังมีกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่มีพฤติกรรมลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือนำส่งมอบให้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกหลายเครือข่าย จึงได้ร่วมกับสายลับทำการสืบสวนติดตามเรื่อยมา
กระทั่งต่อมาจากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญกลุ่มของนายมั่น คนพื้นที่จังหวัดราชบุรี ได้มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือโดยรถยนต์บรรทุกผักผลไม้ ส่งจำหน่ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยซุกซ่อนมากับผักผลไม้ จึงได้ร่วมกันสืบสวนติดตาม กระทั่งทราบว่าเครือข่ายดังกล่าวอยู่ระหว่างลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือมาส่งให้เครือข่ายในพื้นที่ปัตตานี จึงได้ติดตามและสามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คนได้ พร้อมของกลางยาบ้าดังกล่าว ซึ่งจากการซักถามผู้ต้องหารับว่า ได้เดินทางรับของกลางยาบ้ามาจากพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อส่งให้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้ให้ข้อมูลเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับเครือข่ายที่เกี่ยวข้องดังกล่าวต่อไป ส่วนทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอยู่ระหว่างดำเนินการ
