นายกฯ ถามชายหมูลงโทษคนผิดบ้างหรือยัง แนะสหกรณ์ทั่วปท.อย่าเหมือนยูเนี่ยนคลองจั่น

“บิ๊กตู่” ประชุม ประสิทธิภาพบริการภาครัฐ แนะไฟฟ้า โทรศัพท์ ประปา ต้องเดินไปพร้อมกัน จี้ 8 พัน สหกรณ์ ต้องปรับ อย่าให้เป็นเหมือน ยูเนี่ยนคลองจั่น

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานในการประชุม เรื่อง การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการภาครัฐ กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยกล่าวตอนหนึ่งในการประชุมว่า การดำเนินงานหรือทำกิจกรรมใดๆ ของการไฟฟ้า การประปาและโทรศัพท์ ควรจะไปพร้อมกันและควรจะใช้ระบบไอทีเข้ามาสื่อสารระหว่างกัน เพื่อเป็นการลดขั้นตอนเอกสาร สิ่งที่ได้แนะนำนี้พอจะทำได้หรือไม่หรือติดข้อกฎหมายอะไรหรือเปล่าขอให้นำไปพิจารณา ส่วนการบริหารจัดการของกรุงเทพมหานครที่มีการกระจายอำนาจไปยัง 50 เขตในพื้นที่ ตรงนี้อยากทราบว่ามีการควบคุมเรื่องความไม่โปร่งใสและการทุจริตหรือการทำงานที่ล่าช้าด้วยหรือไม่ เพราะมีการร้องเรียนมาอยู่เรื่อยๆ ในหลายเรื่อง ที่สำคัญการลงโทษผู้ทำความผิดที่ถูกร้องเรียนมาหรือยัง และผู้ว่าฯกทม.สั่งการอย่างไรต่อเรื่องที่ถูกร้องเรียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนี้ตัวแทนของกทม.ได้ชี้แจงว่า ไม่ทราบว่าแต่ละเขตมีการลงโทษหรือไม่อย่างไร เพราะผู้ว่าไม่มีอำนาจตรงนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรี ถามกลับว่า ตกลงผู้ว่าไม่มีอำนาจลงโทษ ผอ.เขตเลยใช่หรือไม่ ซึ่งทางตัวแทนกทม. ตอบว่าใช่

นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องของเอกสารต่างๆ ที่ผ่านมาเคยทบทวนหรือไม่ ใช้ของเก่ามากี่ปีแล้วตั้งแต่รัชกาลที่ 5 หรือเปล่า ฉะนั้นขอให้ปรับปรุงให้ทันสมัย สิ่งที่ตนพูดจะผิดจะถูกหรือเปล่าแต่ก็เป็นเรื่องของความหวังดี ขอให้รับไปแก้ไขด้วย เพราะทั้งหมดคือหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน ส่วนนายกฯมีหน้าที่โดนด่าตลอดอยู่แล้ว วันนี้ไม่อยากจะย้อนกลับไปข้างหลัง แต่ขอให้ทุกหน่วยงานมองไปข้างหน้า

Advertisement

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญในวันนี้คือการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในเรื่องต่างๆ เพราะสื่อไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ดังนั้นทุกหน่วยงานจึงต้องไปคิดและหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้คนสนใจในเรื่องต่างๆ คนไทยเราไม่ค่อยสนใจที่จะเรียนรู้ หลายคนต้องการเสียภาษีน้อยแต่อยากได้อะไรตอบแทนมากๆ คนไทยไม่ชินกับคำว่าเสียภาษีเพิ่ม ชอบแต่คำว่าลดหรือไม่ต้องเสียภาษีแล้วประเทศก็จะมีปัญหา ทำอย่างไรที่จะทำให้คนเสียภาษีให้มากขึ้น

“เราต้องหาวิธีการให้ประชาชนเข้ามาสู่กระบวนการเสียภาษีให้มากขึ้น ผมพูดเช่นนี้ก็จะมีแต่คนเกลียด แต่เราก็ต้องเร่งรัดให้คนเข้าสู่ขั้นตอนและกระบวนการอย่างเป็นธรรม ต้องปรับให้ได้มาตรฐานเดียวกับต่างประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องปรับช่องทางการเสียภาษีสะดวกมากขึ้น มีการลดหย่อนบางอย่าง ที่ผมพูดเช่นนี้ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่มีเงิน เรามีเงินเยอะแยะแต่จะอยู่ตรงไหนก็ไปหาดูเอาเอง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของสหกรณ์ที่มีอยู่ 8 พันกว่าแห่งนั้นก็ต้องการให้พัฒนาเป็นสหกรณ์ที่มีคุณภาพใช้ประโยชน์ได้จริง อย่าให้เป็นปัญหาเหมือนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และเรื่องนี้ต้องดูว่าจะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบและได้ความเดือดร้อนได้อย่างไร ตนเข้าใจว่าสหกรณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นสมาชิกเครดิตบูโร เพราะถ้าเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องต้องมีความผิดด้วย ตนไม่ได้คิดอะไร วันนี้ทุกอย่างดำเนินการไปตามกรอบของกฏหมาย ที่รัฐจะต้องดูแล ขอให้ทุกคนเข้าใจ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอฝากเรื่องหลักธรรมาภิบาลด้วย ซึ่งทั้งภาครัฐและเอกชนควรทำให้ครบทุกข้อ ทั้งนี้หลายคนอาจไม่เข้าใจว่าที่พูดบ่อยๆ คืออะไร รู้เพียงว่าทุจริตหรือไม่ทุจริต ซึ่งที่จริงไม่ใช่ เพราะมีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องด้วยกัน ขณะเดียวกันฝากดูโครงสร้างธุรกิจประชารัฐ ให้ประชาชนเข้าใจ สำหรับเรื่องการค้าระหว่างประเทศที่มีการเปิดด่านศุลกากรใหม่ ตนคิดว่าถ้าเปิดมาก ๆ จะกระทบกับฝั่งประเทศเพื่อนบ้านที่ยังไม่มีความพร้อม ซึ่งบางประเทศยังจัดระเบียบไม่ได้ และมีปัญหาภายในอยู่ ดังนั้นเราต้องช่วยกัน ซึ่งจะเป็นการช่วยเรื่องการปรองดองที่หลายประเทศมีปัญหาด้วย เพราะหากแตกไปเรื่อย ๆ มุ่งแต่เศรษฐกิจอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องดูทางด้านความมั่นคงด้วย นอกจากนี้ศุลกากรยังมีปัญหาอยู่เกี่ยวกับเรื่องการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ขอให้มีความชัดเจนมากขึ้น มีหลักฐาน สามารถชี้แจงประชาชนได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกร้องเรียนเสมอ

นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของกรมบังคับคดีนั้น วันนี้ศาลต้องสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น ตนไม่อยากจะไปก้าวก่าย เดี๋ยวจะมีคนหาว่าอยากใช้อำนาจ จึงอยากให้มีการสร้างความเข้าใจ ว่าปัญหานั้นอยู่ที่ไหน จะแก้ไขกันอย่างไร ปัญหาคดีที่ยังค้างอยู่จะทำอย่างไร วันหน้าจะได้ไม่ค้างอีก ซึ่งวิธีการก็คือจะทำอย่างไรที่จะลดคดีความลงไปได้ ซึ่งความขัดแย้งควรจะแก้ไขในระดับล่างก่อน เฉพาะคดีเรื่องประชามติ ตนว่ามันรกศาล มันฟ้องกันได้ทั้งวัน เดี๋ยวก็จะฟ้องกันกลับไปกลับมาเสียเวลาเปล่าๆ ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ศีลธรรมทั้งหมดมันถูกดึงไป ท่านก็ต้องดึงกลับมา กฎหมายมันคือพื้นฐาน อะไรคือกฎหมายคนอาจจะไม่เข้าใจ มันปนกันระหว่างกฎหมาย กับสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน มันติดกันหมด ตอนนี้คนไทยเอามาจับเหมือนกันหมด ดังนั้นตรงนี้ตนขอฝากด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องกฎหมายต่างๆ นั้น อะไรที่สำคัญต้องเร่งออกให้เร็วขึ้นก็จะดี ถ้าไปรอพร้อมกันทั้งหมดก็จะช้า ตนอยากให้จับต้องได้ภายในปี 2560 มากที่สุด วันหน้าจะได้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งจะต้องมีกฎหมายใหม่ๆ ออกมาอีก เพราะสถานการณ์ต่างประเทศนั้นเปลี่ยนไปเรื่อย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับขั้วอำนาจ และเศรษฐกิจ ที่ดึงกันไปมา เราก็ต้องแก้ตามตลอด แต่ต้องทำยังไงไม่ให้เสียกันระหว่างกลุ่ม ซึ่งประเทศไทยก็ต้องดูด้วย เอาข้างใดข้างหนึ่งมันก็จะลำบาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image