แดงขอนแก่นยันไม่มีศูนย์ปราบโกง ชี้ยิ่งปิดกั้นการแสดงออก ปชช.ยิ่งจริงจังมากขึ้น

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 14 มิถุนายน ที่บ้านตันติศิรินทร์ หมู่บ้านหนองโคตรเลควิลล์ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผศ.พรรณวดี  ตันติศิรินทร์ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ฝ่ายปกครอง, ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ชาญชัย  ว่านเครือ ผบ.มทบ.23, นายประเสริฐ  ลือชาธนานท์ รอง ผวจ.ขอนแก่น และ พ.ต.อ.ออมสิน  ตรารุ่งเรือง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ได้เข้ามาพบและหารือแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน โดยใช้เวลาในการพูดคุยนานกว่า 2 ชม.

ต่อมา ผศ.พรรณวดีกล่าวว่า การพบหารือครั้งนี้ กล่าวถึงประเด็นคำสั่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่สั่งห้ามการตั้งศูนย์ปราบโกง ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งขอนแก่น โดยส่วนตัวมองว่าการที่กำลังผสมทั้ง 3 ฝ่ายที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงได้มาพูดคุยและหารือกัน นอกจากจะเป็นการทำความรู้จักกันแล้วเพราะมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการใหม่ ยังคงมีการสอบถามถึงความคืบหน้าในประเด็นดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่าไม่มีการจัดตั้งศูนย์ปราบโกง ตามที่หลายฝ่ายกังวลใจแต่อย่างใด หรือแม้กระทั่งการขึ้นป้ายศูนย์ปราบโกง ทั้งที่สำนักงานอดีต ส.ส.ในพื้นที่หรือสถานที่ที่ใดที่หนึ่งในภาพรวมทั้งจังหวัด แต่ที่หน้ากังวลก็คือการจัดตั้งศูนย์ปราบโกงในระดับครัวเรือน ที่จะกระจายอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นป้าย

“วันนี้ประชาชนโดยส่วนใหญ่มองว่า ทหารมองประชาชนเป็นศัตรูดูได้จากการห้ามและบังคับไม่ให้ทำในสิ่งต่างๆ ซึ่งการปราบโกงนั้นแม้จะยังคงไม่ชัดเจนว่าจะดำเนินการในรูปแบบใด แต่จากการพูดคุยกันในระดับพื้นที่จะเป็นไปในลักษณะของการปราบโกงในเรื่องของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเพราะขณะนี้มีสิ่งผิดสังเกตเกิดขึ้นแล้วในหลายเรื่อง ซึ่งการที่รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.ได้สั่งห้ามและปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นหรือการกระทำที่ถือเป็นการสนองต่อนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นกลายเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ประชาชนต้องการที่จะปราบโกงอย่างจิงจังมากขึ้น โดยการเก็บข้อมูล ถ่ายภาพและถ่ายคลิปส่งไปยัง กกต.นั้นได้ตรวจสอบว่าอะไรถูกหรืออะไรผิด” ผศ.พรรณวดีกล่าว

201606141558221-20090317131953

Advertisement

ผศ.พรรณวดี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการหารือพูดคุยร่วมกันนั้นยังคงมีการพูดถึงการให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิในการลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.กันให้มากที่สุด ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าขอนแกนน่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิมากที่สุดคือร้อยละ 70 ส่วนจะรับหรือไม่รับนั้น ไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้เพราะเป็นอำนาจการตัดสินใจของประชาชน อย่างไรก็ตามยังคงฝากถึง คสช.และรัฐบาลในการดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง ไม่ใช่มาบังคับหรือสั่งห้ามให้ประชาชนในระดับพื้นที่นั้นทำตามเพียงเพื่อรักษาสถานภาพของตนเอง อีกทั้งยังคงต้องการให้เร่งฟื้นฟูภาพรวมทางเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะขณะนี้ประชาชนประสบปัญหาในเรื่องของปากท้องอย่างมาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image