เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 มิถุนายน ที่วัดพระธรรมกาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ได้เริ่มประชาสัมพันธ์ โดยชี้แจงกับศิษยานุศิษย์ที่มานั่งสมาธิปฏิบัติธรรมบริเวณด้านหน้ามหาวิหารหลวงปู่ทองคำ เพื่อขอให้ศิษยานุศิษย์ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติหน้าที่ตามหมายค้นดังกล่าว ก่อนจะมีตัวแทนศิษยานุศิษย์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าของแถวที่ปฏิบัติธรรมอ่านแถลงการณ์ของกลุ่มศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายว่า “นอกจากพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี หรือหลวงพ่อธัมมชโยจะเจ็บป่วยมีอาการอาพาธรุนแรงมากแล้วคณะศิษย์เห็นพ้องต้องกันว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยการมอบตัวก็ต่อเมื่อบ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติคือเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แล้วเท่านั้น
“เพราะการที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยย่อมทำให้ขาดหลักประกันสิทธิเสรีภาพในกระบวนการยุติธรรมดังเช่น การคุกคามและบ่อนทำลายวงการพระพุทธศาสนาของภิกษุนอกรีตกับพวกบางกลุ่มการชะลอการคุ้มเกล้าสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชและการที่ดีเอสไอ ดำเนินคดีกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อโดยรีบร้อนรวบรัด 10 ข้อตกลงจากเจ้าคณะปกครองสงฆ์และผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นต้น กรณีพระสุวิทย์ (พระพุทธะอิสระ) วัดอ้อน้อย ถูกดำเนินคดีข้อหากบฏซึ่งร้ายแรงยิ่งกว่า อันเกิดจากการนำมวลชน shutdown กรุงเทพฯ 20 สถานที่ราชการรวมทั้งดีเอสไอ นานหลายเดือนและถูกออกหมายจับด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะมีการมอบตัวก็ตาม แต่ปรากฏว่าจนถึงปัจจุบันมีระยะเวลาได้ล่วงเลยมากกว่า 2 ปีแล้ว คดีนี้ยังไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาขึ้นฟ้องศาลแต่อย่างใด ข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอกระทำต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อมีอายุความถึง 15 ปีการที่จะรอเวลาให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติในระบอบประชาธิปไตยซึ่งก็ใกล้จะถึงอยู่แล้วตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนและประชาคมโลก จึงไม่ได้เป็นการล่าช้าต่อการดำเนินคดีและเกิด ความเสียหายต่อรูปคดีแต่ประการใด” แถลงการณ์ระบุ
ต่อมา พ.ต.ต.สุริยา ได้สอบถามว่าใครเป็นผู้อ่านแถลงการณ์ดังกล่าว โดยขอให้แสดงตัวกับเจ้าหน้าที่เพื่อจะได้พูดคุยและให้เกิดความเข้าใจตรงกัน หลังจากพ.ต.ต.สุริยา สอบถามเสร็จ ทางกลุ่มศิษยานุศิษย์ที่นั่งปฏิบัติธรรมอยู่ต่างพร้อมใจกันยกมือขึ้นทั้งสองข้างค้างไว้และปรบมืออยู่ 3-4 รอบ ก่อนที่วัดพระธรรมกายจะนำตัวผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนอ่านแถลงการณ์ออกมาพูดคุยกัน กระทั่ง ยอมให้พ.ต.ต.สุริยา เข้าไปดำเนินการตรวจค้นภายในวัดได้ โดยมีพระรูปหนึ่งเป็นผู้นำเดินเข้าไป
