นปช.ยื่น ‘บิ๊กป้อม’ ขอคสช.หยุดไล่ฟ้องคนตัวเล็ก-คุกคามปชช. ยินดีสู้ตามกระบวนการ

“เต้น-ตู่” ยื่นหนังสือถึง “บิ๊กป้อม” หยุดคุกคามประชาชน กร้าว นปช.พร้อมพิสูจน์ตามกระบวนการ โต้คสช.กล่าวหาเกินจริง ย้อน “มีชัย” โชว์ครู ค.ถูกถ่ายรูป เหน็บ เพราะกำหนดการชี้แจงก.ค.นี้

เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 22 มิถุนายน ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช.และคณะ ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่หยุดคุกคามประชาชนที่ทำการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ และข่มขู่หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจะฟ้องศาลทหาร โดยนายจตุพร กล่าวว่า ขอสื่อสารไปยังพล.อ.ประวิตร ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง ขึ้นชื่อเป็นซุปเปอร์รัฏฐาธิปัตย์ และคิดจะเป็นนายกฯในอนาคต กว่าจะถึงวันนี้ได้พล.อ.ประวิตร ต้องมีจิตใจนักเลง รักษาคำพูดและทราบว่าอะไรคือการรังแกประชาชน ขอให้ท่านยุติการคุมคามประชาชน และไม่จำเป็นต้องถามว่าประชาชนได้เสื้อ ได้ป้ายศูนย์ปราบโกงฯจากที่ใด เพราะของทั้งหมดพวกตนทำให้ ซึ่งงบทุกอย่างที่ทำเทียบไม่ได้กับที่ กรธ. กกต. ได้ใช้ และรวมงบที่ใช้ลงทุนทั้งหมดไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจีที 200

“สิ่งที่พวกท่านนำไปแถลงข่าวว่าได้เสื้อ ป้าย เสมือนหนึ่งจับของผิดกฎหมายนั้น ขอบอกพล.อ.ประวิตรว่าในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ขอให้พอได้แล้วคนที่ยิ่งใหญ่ไม่ควรทำงานกระจอก หรือคนที่คิดการใหญ่ที่จะมาเป็นว่าที่นายกฯ ในวันข้างหน้า ไม่ควรจะทำตัวเล็ก ฉะนั้นขอให้ท่านเลิกดำเนินคดี เลิกคุกคามเสียที อีกทั้งขณะนี้ทั้งป้ายและสถานที่ พวกท่านยึดได้เรียบร้อยแล้ว การปราบโกงประชามติไม่ได้อยู่ที่เสื้อ ป้าย หรือสถานที่” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพรกล่าวต่อว่า ส่วนวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาแจ้งข้อหาพวกตนหากดำเนินการเปิดศูนย์ฯ จะผิดข้อหาชุมนุมเกิน 5 คนนั้น วันดังกล่าวยังไม่ได้ชุมนุมใดๆ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเต็มสำนักงาน ขณะที่พวกตนก็ยืนแถลงข่าวเท่านั้น ดังนั้นเมื่อไม่มีการชุมนุมก็ต้องไม่มีข้อกล่าวหา แต่พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพร นายทหารพระธรรมนูญ แจ้งข้อหาพวกตนเพื่อลากพวกตนเข้าสู่ศาลทหารทั้งที่ยังไม่ได้ชุมนุมเป็นเรื่องน่าขยะแขยง ซึ่งหลายครั้งพ.อ.บุรินทร์ใช้วิธีการนี้ เป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้เพราะพ.อ.บุรินทร์ ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ จึงเข้าข่ายแจ้งความเท็จ

Advertisement

“เรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น พวกท่านต้องการใช้วิชามาร ให้พวกผมเข้าสู่ศาลทหารและตั้งเงื่อนไข สิ่งที่ท่านควรรับฟังคือถ้อยแถลงของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ที่ขอให้เปิดพื้นที่เสรีภาพแสดงความเห็นร่างรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่ท่านควรรับฟังมากกว่าการโอ้อวดของนายกฯ ว่าคุยกับเลขายูเอ็นในช่วงเช้า อีกทั้งการกลัวแพ้ประชามติการแสดงออกของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ที่ออกปลุกคนไทยขจัดอันธพาลเนื่องจากจะตั้งกล้องถ่ายครู ค.เวลาลงพื้นที่ ถามว่าครู ค.มีความลับอะไร นายมีชัยกำลังซ่อนเรื่องใดอยู่ อาการกลัวแพ้จึงลนลานทั้งหมด อย่างกกต.บอกยินดีให้ต่างชาติเข้าฟังได้ แต่พล.อ.ประวิตร ปิดประตูไม่ต้อนรับทั้งยูเอ็นและอียู ถามว่าวันนี้ใครกันแน่ที่ดูแลเรื่องประชามติ วันที่ 23 มิถุนายน พวกผมจะไปที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สัปดาห์หน้าจะไปกกต.เพื่อตกลงว่าทำอะไรได้บ้าง แต่มาวันนี้เพื่อบอกพล.อ.ประวิตร หยุดคุกคามได้แล้ว ท่านอย่าบีบให้พวกผมไม่มีทางเลือก ผมขอบอกไว้ ท่านควรมีความเป็นลูกผู้ชาย ไม่ควรจะปล่อยให้ลูกน้องมีพฤติกรรมเช่นนี้จะสะท้อนให้เห็นว่าคนที่เป็นคสช.ไม่มีวิสัยทัศน์ของชายชาติทหาร” นายจตุพร กล่าว

ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับข้อกล่าวหาใดๆ ตามที่คสช.ออกหมายเรียกแกนนำนปช.ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ที่ร่วมกิจกรรมเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะข้อกล่าวหาว่าเป็นการชุมนุมทางการเมืองนำไปสู่ความวุ่นวาย เนื่องจากในวันดังกล่าวทางแกนนำได้เจรจากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและจบลงในวงเจรจาไม่มีการเคลื่อนไหวในรูปแบบอื่น และที่ผ่านมาจุดยืนในการเปิดศูนย์ปราบโกงฯไม่ได้มีเป้าหมายเผชิญหน้ากับรัฐบาล หรือสร้างสถานการณ์วุ่นวายใดๆ แต่เมื่อมีหมายเรียกมาเราก็พร้อมยืดอกเดินเข้าไปพบเพื่อพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรม แม้จะรู้ว่ายากที่จะหาความยุติธรรมก็ตาม ขอฝากไปถึงรัฐบาลและผู้มีอำนาจว่าแม้จะแจกหมายเรียกพวกเรา 10-20 หมาย เราก็ไม่หวั่นและจะออกหมายมาอีกก็ได้ เพราะเรามั่นใจว่าในที่สุดการพิสูจน์ความจริงและความบริสุทธิ์ใจจะปรากฏชัดต่อสายตาคนไทยและชาวโลก และพวกตนจะรวบรวมหมายเรียกเหล่านี้เพื่อเป็นข้อมูลสื่อสารไปถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติและนานาชาติที่ให้ความสนใจให้ทราบความคืบหน้าสถานการณ์อย่างเป็นขั้นตอนไม่ใช่เรียกร้องให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซงก้าวก่ายกระบวนการของเรา อย่างไรก็ตาม พวกเราพร้อมจะไปรายงานตัวตามที่มีหมายเรียกในวันที่ 30 มิถุนายน เวลา 10.00 น.ที่กองบังคับการปราบปราม แกนนำนปช.กล่าวกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.วิจารณ์ผู้ที่ไปถ่ายภาพการปฏิบัติงานของครู เป็นอันธพาลทำลายชาติ ว่า สิ่งที่นายมีชัยพูด ถือว่าเป็นปัญหา เพราะปลุกคน 2 ฝ่ายให้ออกมาเผชิญหน้ากัน และไม่นึกว่าคนอายุมากอย่างนายมีชัยจะเก็บอารมณ์ไม่ได้จนออกอาการฉุนและเกรี้ยวกราดขนาดนี้ และแสดงออกจนขาดเหตุผล

จึงขอถามนายมีชัยว่า จนถึงวันนี้ครู ค. ได้ลงพื้นที่ใดแล้วหรือยัง เพราะทราบว่ากำหนดการที่จะลงพื้นที่คือเดือนกรกฎาคมนี้ จึงหมายความว่ายังไม่มีเหตุการณ์ที่ครู ค. ลงพื้นที่ หรือหากมีจริงขอให้พูดให้ชัดว่ามีใครไปถ่ายรูปแบบที่กล่าวหา และมีสถานการณ์ใดที่ทำให้นายมีชัย ต้องแสดงอารมณ์ออกมา เพราะเรายืนยันว่าการติดตามความเคลื่อนไหวของครู ก. ครู ข. ครู ค. ในฐานะประชาชนตามปกติ เวลานี้พวกตนพูดอะไรแล้วมีประชาชนมาถ่ายภาพบันทึกเสียงหรือมีหน่วยข่าวของรัฐตามเก็บภาพ แต่พวกตนไม่รู้สึกว่าคนเหล่านั้นเป็นอันธพาลและทำลายชาติเพราะเป็นเสรีภาพที่ทำได้ ดังนั้นกรธ กกต.รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาคือ แนวคิดในการเลือกใช้ครู ค. เป็นแนวคิดของการดูถูกเหยียดหยามประชาชนและใช้อำนาจบังคับข่มเหงจิตใจ เพราะกรธ.ไปสรุปได้อย่างไรว่าประชาชนที่ถูกคัดมาเป็นครู ค. ไม่มีความรู้เรื่องรัฐธรรมนูญและนำสาระไปยัดเยียดให้เขาต้องพูดตาม ทั้งที่คนที่ถูกเลือกอาจคิดตรงหรือต่างกับกรธ.และอาจมีคนที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และเห็นข้อเสียของร่างแต่แสดงออกไม่ได้ก็เป็นได้เพราะมีการใช้อำนาจไปเลือกเขามาสั่งการชี้ซ้ายขวา สิ่งเหล่านี้คือสถานการณ์ที่เป็นปัญหา จึงพูดได้ว่าครู ค. คือคนที่กำลังถูกละเมิดสิทธิอย่างร้ายแรง จึงทวงสิทธิ์แทนครู ค. ที่คิดต่างเพราะเชื่อว่าคงมีคนที่ไม่เห็นว่ากับกรธ. 100 เปอร์เซ็นต์

Advertisement

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนการพูดคุยระหว่างนายกรัฐมนตรี และนายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น) นั้น สาระแท้จริงที่ยูเอ็นสนับสนุนคือระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่สนับสนุนรัฐบาลนี้ และเป็นหลักการที่นปช.ยืนยันมาตลอด หากรัฐบาลนี้กำลังเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงพวกตนจะไม่วิจารณ์ และพร้อมรอคอย แต่เมื่อเห็นว่าทั้งเนื้อหาและวิธีการและรูปแบบการดำเนินการไม่ใช่หนทางไปสู่ประชาธิปไตย จึงออกมาวิจารณ์ ดังนั้นสิ่งที่นายกฯเล่ารายละเอียดการพูดคุยจึงพูดความจริงแค่ครึ่งเดียวเฉพาะเอาแต่สิ่งที่ตัวเองจะได้ แต่สิ่งที่เขาพูดเรื่องเสรีภาพของคนไทยนายกฯกลับไม่ใส่ใจ จึงจะรอดูว่ายูเอ็น หรือเวทีนานาชาติ จะฟังอำนาจรัฐที่มาจากรัฐประหารหรือฟังประชาชนผู้เป็นเจ้าของอธิปไตยที่ถูกยึดอำนาจไปกว่า 2 ปี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image