เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่วัดกำแพงบางจาก ริมคลองชักพระ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูศรีปริยติยานุรักษ์ เจ้าอาวาส อายุ 74 ปี เปิดเผยถึงกรณีการพบพระพุทธรูปโบราณเป็นจำนวนมากในวิหารเก่าแก่ภายในวัด ซึ่งเคยถูกปิดตายเป็นเวลาหลายสิบปี แจ้งกรมศิลปากรรับทราบและมาตรวจสอบแล้ว โดยมีการเฝ้าดูแลตลอด 24 ชม. อุ่นใจชุมชนเข้มแข็ง ช่วยระวังภัย
พระครูศรีปริยติยานุรักษ์ กล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. 2558 ตนอาพาธต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล คืนหนึ่งฝันเห็นพระพุทธรูปมาบอกว่า เราอึดอัด โดยความฝันดังกล่าวเหมือนความจริงมาก เมื่อสอบถามพยาบาลว่ามีใครมาเยี่ยม หรืออยู่ในห้องอีกหรือไม่ พยาบาลแจ้งว่าไม่มีอย่างแน่นอน เมื่อตนกลับมาพักฟื้นที่วัด จึงให้ลองเปิดวิหารเก่าที่ถูกปิดตายมาหลายสิบปี พบว่าพื้นที่ส่วนหนึ่งมีไม้ปิดไว้สูงจนถึงเพดาน เมื่องัดออก จึงพบพระพุทธรูปโบราณจำนวนเป็นจำนวนมาก ทั้งทำจากสัมฤทธิ์ และไม้ ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร และพระพุทธรูปปางมารวิชัย บางส่วนเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัตนโกสินทร์
“วิหารนี้ถูกปิดตายมานาน แม้บางช่วงใช้เป็นที่จำพรรษาของพระสงฆ์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าด้านหลังฝาไม้มีอะไร น่าแปลกที่แม่ประแจเก่า สามารถใช้ลูกกุญแจอะไรก็ได้ ไขออกหมด แต่พอจะไขกลับเพื่อปิดประตู กลับล็อคไม่ได้ อาตมาคิดว่าถ้าไม่มีฝาไม้ปิดไว้แบบนี้ พระพุทธรูปเก่าอาจไม่เหลือมาจนถึงทุกวันนี้ โดยเบื้องต้นได้แจ้งไปยังกรมศิลปากรรับทราบแล้วว่าทางวัดพบโบราณวัตถุ ซึ่งมีการส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ หลังจากการพบในครั้งนั้น ชาวบ้านก็เข้าวัดมากขึ้น มาร่วมทำบุญ สวดมนต์ร่วมกัน รวมถึงเป็นหูเป็นตาเรื่องความปลอดภัยด้วย” เจ้าอาวาสกล่าว
พระพินิจ อสุนี ณ อยุธยา หรือ “พระอ้วน” กล่าวว่า สิ่งที่น่าแปลกใจคือ เหตุใดพระพุทธรูปที่พบเกือบทั้งหมดกว่า 20 องค์ จึงแสดงปางเดียวกันคือ “ปางห้ามสมุทร” ส่วนที่มีการนำไม้มาปิดไว้น่าจะกลัวความสูญหาย จึงเจตนาทำเช่นนั้น สันนิษฐานว่ามีการปิดไว้มากกว่า 80 ปี โดยไม่มีใครกล้าดูข้างใน สำหรับสภาพของพระพุทธรูปบางองค์ถูกตัดเศียรออก มีร่องรอยการใช้ของมีคนเฉาะบริเวณด้านข้างของพระพักตร์ ซึ่งมีการโบกปูนทับถึง 2 ครั้ง คาดว่าผู้กระทำการดังกล่าวอาจคิดว่าเนื้อวัสดุด้านในหล่อด้วยทองคำ เมื่อพบว่าเป็นพระปูนปั้นธรรมดา จึงทิ้งไว้
“องค์นี้ตอนพบครั้งแรกน่ากลัวมาก เพราะเศียรวางอยู่บนตัก ตอนหลังให้กรมศิลป์ช่วยมาต่อให้ คาดว่าคนทำคงนึกว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำ พอรู้ว่าไม่ใช่เลยไมได้ทำอะไรต่อ” พระอ้วนกล่าว
ข้อมูลจากการศึกษาของนางสาว วิรินทร์ วิริยะพาณิชย์ บัณฑิตภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร ระบุว่า วัดกำแพงบางจากแห่งนี้ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยแผนผังวัดซึ่งมีการสร้างวิหารท้ายอุโบสถ เป็นที่นิยมในยุคอยุธยาตอนปลาย จากนั้น ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่หลายครั้ง โดยเฉพาะสมัยรัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 5 ปรากฏนาม “พระพิศาลผลพานิช” หรือ “จีนสือ” ขุนนางเชื้อสายจีนของกรมท่าซ้าย ซึ่งคาดว่าเป็นผู้ออกทุนทรัพย์ในการบูรณะวัด
สำหรับวิหารที่พบพระพุทธรูปโบราณ มีรูปแบบและลวดลายประดับที่ชี้ถึงศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น ลายพันธุ์พฤกษาประดับกระจกสี มีการใช้ลายดอกพุดตานที่นิยมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ลงมาถึงรัชกาลที่ 4 บริเวณวัดมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองแบบยุคต้นรัตนโกสินทร์