เบนซ์ E 220 d ใหม่ ยนตรกรรมหรูล้ำสมัย

ช่วงเวลานี้ของค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ บอกได้คำเดียวว่าอะไรก็หยุดไม่อยู่ เปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกมาถี่ยิบ ทำให้ตลาดรถหรูในบ้านเรา เติบโตสวนกระแสตลาดรถยนต์รวม เพราะยังคงไม่สดใสนัก

เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจยุคคนไม่กล้าใช้เงิน แต่ลูกค้ากลุ่มกำลังซื้อสูง ยังคงมีกำลังซื้อสูงอยู่ต่อไป ไม่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเมื่อผู้ผลิตรถยนต์หรูต่างประเคนเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ใส่เทคโนโลยีล้ำสมัยมากขึ้น แต่ประหยัดน้ำมันลงอีก มาให้เป็นตัวเลือก ทำให้เรายังคงเห็นการเปิดตัวรุ่นใหม่ของหลายค่าย

อย่างล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ ค่ายเบนซ์เปิดตัว เดอะ นิว อี-คลาส (The new E-Class) ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ทางเบนซ์มั่นใจว่าเป็นมาสเตอร์พีซ ผลงานชิ้นโบแดง ยกย่องให้เป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมซีดานอัจฉริยะ ทั้งในเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ การประหยัดน้ำมันและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ลงได้อย่างดีเยี่ยม

รุ่นนี้ระดมเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาเต็มพิกัด ทั้งระบบช่วยให้การขับขี่และโดยสารสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น อาทิ ระบบไฟหน้า มัลติบีม แอลอีดี (MULTIBEAM LED) แบบความละเอียดสูง ทำงานด้วยระบบดิจิตอลทั้งหมด

Advertisement

รวมถึงระบบแอ๊กทีฟ ไลต์ (Active Light) ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเป็นครั้งแรกของโลก

สำหรับ E-Class ใหม่ในประเทศไทย มีให้เลือกสรร 2 ดีไซน์ คือ E 220 d เอ็กซ์คลูซีฟ (Exclusive) และ E 220 d เอเอ็มจี ไดนามิก (AMG Dynamic)

รถหลัก3

Advertisement

ถ้าดูจากดีไซน์ภายนอกนั้นขนาดตัวถังและฐานล้อยาวและกว้างขึ้น นั่นหมายถึงการทรงตัวที่ดีขึ้น ล้อไปกับฝากระโปรงหน้าดูยาว เส้นสายของส่วนหลังคาออกแบบในสไตล์รถคูเป้ ทอดตัวเป็นเส้นโค้งยาวจรดด้านหลังของตัวรถ ทำให้ไม่ดูเทอะทะ และยังช่วยในด้านหลักพลศาสตร์

สำหรับรูปลักษณ์ด้านหลังของตัวรถ อย่างที่บอกขนาดใหญ่และกว้างขึ้น จึงทำให้การออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า นอกจากจะทำให้ดูทรงพลังแล้ว ยังเพื่อแสดงเอกลักษณ์ของสมาชิกใหม่ในกลุ่มรถซาลูนของเมอร์เซเดส-เบนซ์อีกด้วย

พร้อมติดตั้งโคมไฟท้ายแบบชิ้นเดียวโดยด้านในโคมแบ่งออกเป็นสองส่วน ทำให้มีรูปลักษณ์ดูมีระดับ

ดีไซน์ภายใน เบาะที่นั่งถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรถตระกูลนี้ เบาะหนังด้านคนขับกว้าง เพราะเบาะนั่งสามารถเลื่อนเข้าออกได้ และยังโอบกระชับ จากการออกแบบให้โค้งห่อหุ้มลำตัว ช่วยในการควบคุมพวงมาลัยขณะหักหลบกะทันหัน เพราะลำตัวจะกระชับจากพนักพิง

รถหลัก4

สำหรับรุ่น E 220 d AMG Dynamic และรุ่นที่ได้มีการทดสอบ มาพร้อมกับชุดหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ นับเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ที่มีการติดตั้งจอดังกล่าว

การออกแบบหน้าจอ และภายในของ E 220 d รุ่นนี้ ถือว่าคลาสสิกมาก เพราะนอกจากจะปรับปรุงให้เป็นหน้าจอเรียบยาวจากหน้าจอคนขับไปถึงคอนโซลกลางแล้ว การตกแต่งลายไม้ยังดูมีคลาสสมกับเป็นรถหรูยอดนิยม

นอกจากนี้ ยังเติมความสุนทรียภาพในการโดยสาร ด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี

รถหลัก6

ส่วนขุมพลังรุ่นนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสมรรถนะและความประหยัด เบียดกันมาจนไม่รู้ว่าใครจะเด่นกว่ากัน เช็กกระแสความนิยมได้จากผู้ที่เคยใช้งานรถรุ่นนี้ตั้งแต่เวอร์ชั่นที่แล้ว

และรุ่นนี้เป็นเครื่องบล็อกใหม่ พัฒนาจนมาเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ระบบเกียร์อัตโนมัติ ชุดใหม่ นายจี-ทรอนิก (9G-TRONIC) มีถึง 9 เกียร์อัตโนมัติ

เมื่อทำมาถี่ยิบขนาดนี้ จึงช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว และควบคุมแรงเหวี่ยงจากการทำงานของเครื่องยนต์ให้ต่ำลง ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประกอบกับโครงสร้างรถพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ และน้ำหนักเบาลง ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 25.6 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียงแค่ 102 กรัม/กิโลเมตร

รถหลัก1

ทั้งรุ่น E 220 d Exclusive และรุ่น E 220 d AMG Dynamic ใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวกันคือ ดีเซล 4 สูบ ขนาด 1950 ซีซี กำลังสูงสุด 194 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม.ใช้เวลา 7.3 วินาที

รุ่น E 220 d Exclusive ราคา 3,990,000 บาท ส่วนรุ่น E 220 d AMG Dynamic ราคา 4,790,000 บาท

ถือว่าเป็นรถหรูที่มาแบบครบเครื่อง โดยเฉพาะความลงตัวเกี่ยวกับความสะดวกสบาย การโดยสาร ความนุ่มนวล และเสียงภายในห้องโดยสารหรือแม้แต่ภายนอก เงียบอย่างเหลือเชื่อทั้งที่เป็นเครื่องดีเซล แต่ขอโทษทีเป็นเวอร์ชั่นยุโรปนำเข้ามาจากต่างประเทศ

รถหลัก7

เชื่อว่าอีกไม่นานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแลนด์ คงจะเปิดไลน์ประกอบรุ่นนี้ในเมืองไทยอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ใช้รุ่นนำเข้าหรือซีบียูไปก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image