วันที่ 26 มิถุนายน สำหรับความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์บนถนนข้างโรงเรียนบ้านสุไหงโกลก กับฐานปฏิบัติการณ์หมวด นปพ.เฉพาะกิจนราธิวาสที่ 33 เขตเทศบาลเมืองสุไหงโกลก จ.นราธิวาส ในช่วงเวลา 06.10 น.ของเช้าวันนี้ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน และทรัพย์สินได้รับความเสียหายนั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.สุไหงโกลก ได้เข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุกับ พ.ต.ท.เนติธร วัตตธรรม หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ท.พลวัฒน์ เทพษร รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พบว่าคนร้ายได้ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีบรอนซ์ ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม นำระเบิดแสวงเครื่องหนัก 80 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารมาก่อเหตุ และจากการตรวจสอบรถกระบะคันดังกล่าว พบว่าเป็นรถที่คนร้ายได้ขโมยจากนางนุรียัน วาเตะ ที่จอดทิ้งไว้ที่บริเวณชายหาดนราทัศน์ ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 57 ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.กองอรรถจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้าทั่วเขตเทศบาลเมืองสุไหงโกลก และตามจุดตรวจต่างๆ ที่มุ่งหน้าสู่เขตเทศบาล พบว่าคนร้ายได้ขับรถกระบะคันดังกล่าวมาจาก อ.สุไหงปาดี และได้เลี้ยวขวาที่แยกบุญยลาภ ขับมาจอดที่บริเวณแผงจำหน่ายสินค้าข้างกำแพงของหมวด นปพ.เฉพาะกิจนราธิวาสที่ 33 และเจ้าหน้าที่ตำรวจขี่รถ จยย.มาพบ และได้สอบถามคนร้าย แต่คนร้ายไม่สนใจได้เดินไปซ้อนท้ายรถ จยย.ที่เพื่อนตามมารับหลบหนีไป และคาดว่าคนร้ายทั้ง 2 คน ได้หลบหนีเข้าไปในประเทศมาเลเซียแล้ว
นอกจากนี้ พ.ต.อ.กองอรรถยังได้เปิดเผยอีกด้วยว่า รถกระบะคันดังกล่าวจากการสืบสวนสอบสวนในทางลับ พบว่าคนร้ายเคยใช้ร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดห้างสรรพสินค้า เฟสติวัล เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 58 ที่ผ่านมา หลังจากนั้น นายฮาซือมิง ปูตะ สมาชิกแนวร่วมกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบ ที่หลบหนีหมายจับ ป.วิ อาญา ได้นำรถกระบะคันดังกล่าวซึ่งสีเดิมเป็นสีขาว เปลี่ยนมาพ่นเป็นสีบรอนซ์ แล้วให้นายซูไฮดี กูบารู ซึ่งเป็นสมาชิกแนวร่วมในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี ขับรถกระบะคันดังกล่าวมาจอดก่อเหตุดังกล่าว
ด้านนายมานพ เข็มเล็ก ปลัดอำเภอสุไหงโกลก ได้นำเจ้าหน้าที่เยียวยามาอำนวยความสะดวก เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย จากเหตุคาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้น ในการบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งในเบื้องต้นมีประชาชนมาแจ้งเพื่อขอความช่วยเหลือ จำนวน 28 ราย โดยแยกเป็นทรัพย์สินได้รับความเสียหาย 26 ราย รถ จยย.ได้รับความเสียหาย 2 ราย
