เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 26 มิถุนายน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ประกอบด้วยนายปกรณ์ หรือแมน อารีกุล และนายจตุภัทร์หรือไผ่ บุญภัทรรักษา กลุ่มดาวดิน เดินทางมาหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ(ประตูใหญ่) เพื่อจัดกิจกรรมอ่านจดหมายถึงเพื่อนส่งพลังใจไปให้หลังกำแพงสูง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมภายในบริเวณเรือนจำ โดยขอความร่วมมือให้ไปจัดนอกรั้วกำแพงเรือนจำ โดยให้เหตุผลว่าเรือนจำฯเป็นสถานที่ราชการ และวันนี้ (26 มิถุนายน) เป็นวันหยุดราชการด้วย กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่จึงยอมออกไปจัดกิจกรรมนอกรั้วเรือนจำฯ
จากนั้น เวลา 18.30 น. พ.ต.อ.สามารถ พรหมชาติ ผู้กำกับสน.ประชาชื่น มาแจ้งให้ทราบว่า หากกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จะจัดกิจกรรมก็ต้องพร้อมรับกับการดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากเป็นการชุมนุมเกินกว่า 5 คน พร้อมกับขอความร่วมมืออย่าใช้เครื่องเสียงในการอ่านแถลงการณ์บริเวณหน้าป้ายเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทำให้ประชาชน และนักศึกษาที่มาร่วมกิจกรรมต่างพากันร้องเพลง “แสงดาวแห่งศรัทธา” กิจกรรมจึงดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ตามได้มีเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบเข้ามาร่วมสังเกตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย
ต่อมาเวลา 19.10 น.ขบวนการประชาธิปไตยใหม่อ่านจดหมายถึงเพื่อน 7 คนที่อยู่ภายในเรือนจำว่า
“วันนี้วันที่ 26 มิถุนายน วันเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้วโรมและอีก 13 คนถูกจับกุมนำตัวไปขึ้นศาลทหาร และถูกฝากขังตอนเที่ยงคืน วันนี้โรมเข้าไปอยู่ในคุกเรียบร้อยแล้ว ช่วงปีกว่าที่ผ่านมานี้ สถานการณ์ทำให้บทบาทของโรมกลายเป็นคนสาธารณะมากขึ้น คนจำนวนมากเห็นโรมในฐานะนักกิจกรรม นักศึกษาปริญญาโท หลายคนดูเหมือนมีความคาดหวังบางอย่างกับโรมคนที่ไม่ได้ติดตามการเมืองมองเป็นคนหัวรุนแรง หนักหน่อยก็ยังใช้คำด่าซ้ำซากประเภทรับเงินมา เสื้อแดงขี้ข้าทักษิณ โรมที่เรารู้จักคือคนที่จริงจังหนักแน่นในหลักการ และพร้อมจะยืนยันในหลักการที่ถูกต้อง บุคลิกตอนนี้ไม่เว้นแม้แต่กับคนใกล้ตัวอย่างแฟน จะเอาชนะเขาได้ก็ต้องใช้เหตุผล
ดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะมาเปลี่ยนใจ เปลี่ยนความคิดเขาได้ และเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดที่จะกล่าวหาว่าเขาถูกจ้างมา จะกล่าวว่าโรมเป็นนักอุดมคติก็คงจะไม่ผิดเท่าไหร่ เราเคยพูดไว้เมื่อครั้งที่โรมถูกฝากขังปีที่แล้วว่าเรากับโรมเคยคุยกันหลายครั้งว่าสิ่งที่โรมเชื่อและทำมันคุ้มค่าหรือเปล่า ถึงตอนนี้เราก็ยังสงสัยอยู่ แต่เราก็เชื่อด้วยว่าหากสำเร็จ ประเทศและสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เราคาดหวังจริง มันน่าจะเป็นสังคมที่ดีกว่าช่วงสองสามปีนี้แน่ เรา-โรมด้วย-คงจะไม่อวดอ้างว่าการเข้าคุกคือการเสียสละ เพียงแต่เรายังหวังว่าการซ้ำรอยปีที่แล้ว จะทำให้คนรับรู้และเรียนรู้ถึงความอยุติธรรม มากพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแม้จะในระยะเวลายาวก็ตาม เรากับโรมวางแผนอนาคตใกล้ๆ ไว้ว่า อีกไม่เกินสองปี จะหาทุนไปเรียนนอกกัน เราอยากไปเรียนที่ประเทศแถบสแกนดิเนเวียสวนโรมก็คงเรียนกฎหมายที่ฝรั่งเศส เหมือนอาจารย์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาหลายท่าน จบมาเราอาจจะทำงานสายสิทธิมนุษยชนต่อ ส่วนโรมก็คงเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย นึกไม่ออกเหมือนกันว่าอนาคตเราจะเป็นกันยังไงถ้ารู้เรื่องบ้าบอพวกนี้ยังไม่เกิดขึ้น หรืออนาคตต่อจากนี้ก็นึกไม่ออก คงทำได้แค่อยู่ข้างกัน สนับสนุน เป็นกำลังใจให้กันต่อไป ถึงโรม เราคิดถึงมากนะไอ้อ้วน รู้นะว่าเราจะรออยู่อย่างนี้ รีบออกมาล่ะ มาคุยเรื่องสถานการณ์โลกและบ้านเมือง บอลยูโร เกมออฟโทรน หนังเข้าใหม่กัน รักมาก”
