ผลสะเทือนจาก “ประชามติ” แห่งสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน เป็นรูปธรรมอันเด่นชัด
ยืนยัน “โลก” ล้อม “ประเทศไทย”
เพราะไม่เพียงแต่จะมีการออกมาแสดงความเห็นในเรื่องผลกระทบในทาง “เศรษฐกิจ”
“สินค้า” ตัวใดบ้างที่จะ “สะเทือน”
หากแต่ยังมีการนำเอา “รายละเอียด” ภายในกระบวนการ”ประชามติ” มาเปรียบเทียบ
แล้วก็ประจักษ์ใน “ความต่าง”
น่าเสียดายที่ไม่ได้ยิน “ความเห็น” จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
ทั้งๆที่เป็น “บทเรียน” โดยตรง
ยิ่งการแสดง “สปิริต” ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐ มนตรีของ นายเดวิด คาเมรอน ยิ่งมากด้วยพลานุภาพ
กลายเป็น “คำถาม” ใน “สังคมไทย”
คำถามว่าด้วย “สปิริต” ของ นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอัง
กฤษสะท้อนความละเอียดอ่อนยิ่งใน “ประชามติ”
เป็นความละเอียดอ่อนในสภาวะที่ “ไม่แน่นอน”
หากฟังจากน้ำเสียงของ นายวิษณุ เครืองาม หากฟังจากน้ำเสียงของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์
เหมือนกับ”ร่างรัฐธรรมนูญ”ผ่านและ”ผ่านฉลุย”
แต่เมื่อมีความพยายามออกมา “อธิบาย” ว่าหาก”ไม่ผ่าน”ไทยก็ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนอย่าง “อังกฤษ”
นั่นก็คือ ไม่จำเป็นต้องทำแบบ นายเดวิด คาเมรอน
ความเห็นนี้เมื่อปรากฏออกมาอย่างเป็นระบบ อย่างเป็นกระ บวนการก็เริ่มกลายเป็น “ประเด็น”
ประเด็นในความไม่แน่นอนแห่ง “ประชามติ”
จากนั้นหลายคนเริ่มติดตามและให้ความสนใจกับ”ปฏิกิริยา”และ “ความเห็น”บางอย่าง
1 เห็นการออกโรงของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
หากมีความมั่นใจจำเป็นอะไรที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะต้องออกโรง
1 เห็นการเอ่ยถึงการใช้”มาตรา 44”
เป็นการใช้มาตรา 44 หากมาตรา 61 วรรคสอง พรบ.การออกเสียงประ ชามติร่างรัฐธรรมนูญขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เค้าลางแห่ง “ความหวาดเสียว” เริ่มปรากฏ
เพราะทุกวันนี้ที่มีการไล่จับ “นักศึกษา” ไล่จับ”นักกิจกรรม” ก็มิได้ใช้มาตรา 61 วรรคสอง พรบ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐ ธรรมนูญอยู่แล้ว หากแต่ใช้ประกาศและคำสั่ง “คสช.”
อันก่อให้เกิด “ปฏิกิริยา” จากองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ อันก่อให้เกิด “ปฏิกิริยา” จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ
“โลก”กระชับล้อม”ประเทศไทย”มากยิ่งขึ้น
