หลังจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เปิดเผยสถานการณ์ค้ายาเสพติดมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีการดึงเด็กเล็กอายุ 7 ขวบเข้ามาในวงจรค้ายาเสพติด ในการจัดส่งยา หรือที่เรียกว่า เดินยา และมีการขายแบบโปรโมชั่น ซื้อ1 แถมเพิ่มอีก 1 ชนิด ส่งผลให้จำนวนผู้เสพขยายวงเพิ่มขึ้น ประกอบกับข้อมูลผู้เสพก็มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ พบน้อยสุดเพียงอายุ 11 ขวบนั้น
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ กล่าวว่า กรณีเด็กเล็กยังขาดความยับยั้งชั่งใจ และยังขาดวุฒิภาวะในการพิจารณา จึงถูกล่อลวงได้ง่าย สิ่งสำคัญคือ พ่อแม่ ต้องสังเกตพฤติกรรมลูกๆ โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุไม่ถึง 10 ปี โดยอาจสังเกตได้จากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร กินข้าวน้อยลง กระวนกระวายมากขึ้น ที่สำคัญมีเงินซื้อของเล่นใหม่ๆ ทั้งๆที่พ่อแม่ หรือญาติไม่ได้ซื้อให้ ประกอบกับร่างกายซูบผอม นอนหลับน้อยลง และหงุดหงิดง่าย ก้าวร้าวกับพ่อแม่ เป็นต้น
“หากพบพฤติกรรมเหล่านี้ต้องพูดคุยกับลูก ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่ เนื่องจากพ่อแม่ที่เมื่อเจอปัญหาเช่นนี้ มักโทษตัวเอง บางคนกลายเป็นโรคซึมเศร้า จริงๆเราต้องมีจิตใจมั่นคง เพราะพวกเขายังเด็กย่อมถูกล่อลวงได้ แต่เราสามารถแก้ไขได้ เพียงแต่หากพ่อแม่รับฟัง เพราะลูกอยากคุย อยากมีคนช่วยเหลืออยู่แล้ว ซึ่งพ่อแม่สามารถโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือปรึกษาได้ที่ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาสารเสพติดตามโรงพยาบาลทุกแห่ง” นพ.กิตต์กวี กล่าว และว่า สำหรับกรณีเด็กเล็กที่ถูกหลอกให้เดินยานั้น สิ่งที่ต้องระวังคือ ผู้ใกล้ชิด ทั้งเพื่อนบ้าน หรือโรงเรียน หรือแม้แต่ญาติก็มีโอกาสทั้งนั้น จึงต้องระมัดระวังและสังเกตพฤติกรรมเด็กด้วย
นพ.กิตต์กวี กล่าวอีกว่า จริงๆปัญหายาเสพติดพบได้ทุกช่วงวัย อย่างที่โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมฯ เคยพบอายุน้อยสุดระหว่าง 12-13 ปี แต่ส่วนใหญ่จะพบในอายุ 18-30 ปี ขณะเดียวกันเคยพบผู้เสพที่อายุมากสุดคือ 60 ปีก็มี เนื่องจากเพื่อนท้าทายให้ลองเสพ แต่ขณะนี้ได้เข้ามาบำบัด ซึ่งอยากบอกว่า ทุกช่วงอายุมีความเสี่ยงติดยาเสพติดได้ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าจะมีสติรับมือได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อมูลปี 2558 พบว่า ผู้ป่วยติดยามีอาการทางจิต เข้ารับการบำบัดรักษา ใน โรงพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิตทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 3,912 ราย ในจำนวนนี้ มากกว่า 1 ใน 3 หรือ ประมาณ 1,517 ราย เป็นเด็กและเยาวชน ช่วงอายุ 12-24 ปี ในขณะที่ประมาณการทั่วโลก มีการใช้สารเสพติดในอายุ 15-64 ปี อยู่ที่ร้อยละ 3.5-5.7 ของประชากร
