ที่มา | คอลัมน์ สยามประเทศไทย มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ชั้นเรียนในมหาวิทยาลัย มีจุดมุ่งหมายเพียงการสอนให้เรียนรู้สิ่งที่เขารู้กันอยู่แล้ว จึงควรทบทวนเป้าหมายและวิธีการของการเรียนการสอนในระดับมหาวิทยาลัย
[สรุปจากบทความเรื่อง จากหนังหน้า สู่ความรู้คิด โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ ในมติชน ฉบับวันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2559 หน้า 16]
รับจ้างเรียนแทนในมหาวิทยาลัย ไม่ใช่ความขี้เกียจส่วนบุคคล หากแต่เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่สำคัญมาก
สังคมต้องการให้นักศึกษาเป็น “เด็ก” ที่ไม่ต้องคิดอะไร เพื่อตอบสนองระบบอำนาจที่ไม่ต้องการให้ใครมีและตั้งคำถามใดๆ ทั้งสิ้น ความปรารถนาที่จะ “เรียนรู้” ของนักศึกษาจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าจะเข้าเรียนไปทำไม ในเมื่อแค่อ่านหนังสือสอบก็ได้อยู่แล้ว
[สรุปจากบทความเรื่อง รับจ้างเรียนแทน : ยอดภูเขาน้ำแข็ง โดย อรรถจักร์ สัตยา นุรักษ์ ในกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2559 หน้า 10]
สังคมจะฆ่ามหา’ลัยไร้คุณภาพ
รศ. ดร. ฤาเดช เกิดวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (มร.สส.) บอกว่าการจะทำให้สถาบันอุดมศึกษาจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ อาจต้องให้กระบวนการทางสังคมเข้ามามีส่วนจัดการปัญหาด้วย หากสถาบันใดไม่มีคุณภาพสังคมจะลงโทษและฆ่าสถาบันเหล่านั้นให้ล้มหายตายจากไปเอง ซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน
แต่ที่สำคัญจะต้องมีระบบแนะแนวและให้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้เรียนใช้ในการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อ เช่น ต้องเปิดเผยแผนการรับและจำนวนที่รับจริง
รศ. ดร. ฤาเดช กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้จบปริญญาเอกจำนวนมาก แต่บางคนก็ไม่กล้าโชว์ว่าจบจากที่ไหน เพราะกลัวคนอื่นจะร้องยี้ และไม่ให้ความเชื่อถือ ทั้งที่อาจจะเคยจบปริญญาตรีและโทอย่างดีมาก่อน แต่พอจบปริญญาเอกจากสถาบันที่ไม่น่าเชื่อถือก็เป็นการลดคุณค่าปริญญาที่เคยได้มาก่อนไปด้วย
[เดลินิวส์ ฉบับวันพุธที่ 22 มิถุนายน 2559 หน้า 26]