‘บิ๊กตู่’สวนนักการเมืองเก่า ยอมรับกระบวนการยุติธรรมก่อน ค่อยหารือแก้วิกฤตชาติ

บิ๊กตู่เผยส่งคนไปชี้แจงยูเอ็นแล้ว เตรียมถกรองเลขาฯยูเอ็นแทน อ้าง บัน คีมุน ไม่ว่าง ไล่นักการเมืองรุ่นเก่ายอมรับกระบวนการยุติธรรมก่อนหารือแก้ปัญหาชาติ ย้ำร่างใหม่หากประชามติไม่ผ่าน ไม่หวั่น ศาลตีความ พ.ร.บ.ประชามติพรุ่งนี้ ยันไม่ออกกฎหมายพิเศษ ชี้ คำสั่ง คสช.อำนาจล้น บอกตอนนี้ยังใช้ไม่ครบเลย

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะติดต่อขอพูดคุยกับนายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อชี้แจงถึงข้อเท็จจริงทางการเมืองของไทยว่า ได้ส่งตัวแทนไปพูดคุยแล้ว ทั้งในส่วนของ คสช. กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่ดูแลกฎหมายโดยได้ชี้แจงด้วยเหตุผลและหลักการ รวมทั้งหลักฐานที่รัฐบาลมีอยู่ ทั้งนี้ ได้นำข้อกฎหมายการกระทำความผิดต่างๆ ชี้แจงต่อยูเอ็น แต่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับยูเอ็นจะว่าอย่างไร ซึ่งตนไม่สามารถพูดเรื่องที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงไม่ได้ เมื่อยูเอ็นมีข้อสงสัยก็ถามกลับมา โดยเราพร้อมตอบทุกข้อสงสัย

เมื่อถามว่า มีกำหนดพบนายบัน คีมุน เมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมคุยกับท่านแล้ว ช่วงนี้ท่านติดงานในต่างประเทศ ท่านได้เตรียมคณะทางโน้นไว้รอพบอยู่แล้ว โดยมีรองเลขาฯยูเอ็นและหากมีอะไรที่ต้องติดต่อสื่อสารกันก็สามารถพูดคุยกันได้ทันที”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นัดหารือกับนักการเมืองรุ่นเก่าเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ โดยย้อนถามว่า “ทางออกอะไร แก้ปัญหาอะไร” เมื่อถามว่า นักการเมืองรุ่นเก่ายอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “แล้วยอมรับในกระบวนการยุติธรรมก่อนหรือเปล่า ขอให้ไปเริ่มจากตรงนั้นก่อน แล้วค่อยมาหารือ ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต่อสู้คดีกันตามขั้นตอน ซึ่งระยะเวลาก็มีอยู่แล้ว ตามขั้นตอนของศาล แล้วค่อยมาหารือกับผม ผมหารือกับผู้กระทำผิดกฎหมายไม่ได้”

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้มีการหารือกันก่อนหรือไม่ หรือต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เขาหารือกันอยู่แล้ว พวกคุณไม่รู้หรืออย่างไร หรือไม่มีเลย ไม่เจอหน้ากันเลยทุกวันนี้ ที่พรรคเขาก็ไปเจอกัน ที่บ้านเขาก็ไปเจอกัน แล้วจะหาว่าไม่เปิดโอกาสอย่างไร เปิดทุกอย่างอยู่แล้ว ดีไม่ดีเดี๋ยวก็คงมานั่งประชุม ครม.ด้วยแล้วกัน”

ส่วนที่คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่าหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้ จะต้องมีการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ แสดงว่าเป็นการสลายพรรคการเมืองเก่า หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนเรื่องดังกล่าวก็ให้ไปถามคนที่พูด ผมไม่ได้เป็นคนพูด วันนี้ไม่มีคำว่าแสดงว่าอะไรทั้งนั้น ส่วนเรื่องการสลายพรรคเก่านั้น มันเป็นเรื่องของผม จะมาถามอะไร ถ้าจะตอบคำถามนี้ก็ขอให้มายืนอยู่ตรงที่ผมยืน แล้วผมจะไปยืนถามท่านแทน ถ้าผมยืนอยู่ตรงนี้ผมก็จะตอบของผม แต่ยืนยันว่าผมใช้อำนาจของผมในทางสุจริต ที่ผมทำได้ให้ประเทศชาติปลอดภัย ประชาชนมีความสุข ใครที่ไม่มีความสุขก็ให้ไปหาดูว่ามันเกิดจากอะไร ก็ต้องแก้ให้เว้นแต่พวกที่ทำผิดกฎหมายไม่ยอมรับผมก็ช่วยไม่ได้ สื่อฟังมาจากทุกคนแล้วมาถามผม”

เมื่อถามว่า แสดงว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการสลายพรรคการเมืองเก่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าว “ผมบอกแล้วว่าเป็นเรื่องของผม ไม่ได้บอกว่าเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้ อย่าไปเขียนว่าผมยืนยัน” เมื่อถามย้ำว่า พูดเช่นนี้เป็นการแทงกั๊กหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “แทงกั๊กคืออะไร ประเทศชาติแทงกั๊กได้หรือ ระหว่างล่มสลายกับไม่ล้มสลายอย่างนั้นหรือ นี่หรือความคิดพื้นฐาน”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยมาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ประชามติขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราวหรือไม่ ในวันที่ 29 มิถุนายนว่า เรื่องรัฐธรรมนูญตนไม่ได้เป็นคนร่าง แต่เสนอขั้นตอนโรดแมป ว่าต้องมีรัฐธรรมนูญแล้วเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามที่วางไว้ โดยมีคณะทำงาน หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน มันต้องเป็นมติประชาธิปไตยเขาเริ่มจากตรงนี้ ทุกคนหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่ากัน เริ่มต้นด้วยการทำประชามติหรือการเลือกตั้ง ถ้าประชามติผ่านก็คือเขาว่าดี แต่ถ้าไม่ผ่านก็คือเขาว่ามันไม่ดี หรือผ่านโดยคนต้องการจะล้ม ไปหาสาเหตุมาให้ตนดูก่อน

นายกฯกล่าวว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ประชามติ ใช้ไม่ได้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ตอบแล้ว ทำไมจะต้องตอบอีก แล้วมีมาตราอื่นอีกหรือไม่ ถ้ามาตรานี้ใช้ไม่ได้ก็ใช้มาตราอื่น คำสั่ง คสช.ก็มี ทำไมต้องออกกฎหมายพิเศษอีก ให้มาตีความหัวหมอกันอยู่นั่น คำสั่งได้คลุมไว้ทั้งหมดอยู่แล้ว วันนี้ยังไม่ได้ใช้ทั้งหมดเลย ถ้าใช้หมดก็ระนาวกันหมด ทำไมไม่ดูตรงส่วนนี้บ้าง ตอนลงโทษคนก็บอกว่าใช้อำนาจ แล้วคนที่ทำความผิดอยู่ทุกวันมีอำนาจอะไร ที่จะมาเที่ยวประกาศให้สังคมสับสน สื่อก็ถามเขาไปบ้างว่ามีอำนาจอะไร

เมื่อถามว่านายกฯพูดมาหลายเวทีหากประชามติไม่ผ่านนั้นมีวิธีการไว้แล้ว นายกฯกล่าวว่า วิธีการคือการทำรัฐธรรมนูญใหม่ เมื่อถามว่าหมายความว่ามีรัฐธรรมนูญสำรองรองรับไว้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีหรอก แต่มันจะยากอะไร รัฐธรรมนูญแตกต่างกันไม่เท่าไหร่ ตนก็รวมรวมเท่าที่มีอยู่ ซึ่งมีคณะทำงานอยู่แล้ว และฝ่ายกฎหมายก็ดูอยู่ รู้หรือยังว่ารัฐธรรมนูญทั้งหมดที่มีมาแล้ว แตกต่างกันตรงไหน กี่มาตรา มันก็ไม่กี่มาตราหรอก รัฐธรรมนูญจะมาจากสหประชาชาติเหรอ บ้านเราก็บ้านเราสิ เราทำเพื่อใคร เพื่อบ้านเราเป็นหลักใช่ไหม ทำไมไม่คิดแบบประเทศอื่นคิดกันบ้าง ตนไม่เข้าใจ ประเทศเพื่อนบ้านที่มาเมื่อสองวันนี้ เขาก็พูดว่าทำทุกอย่างเพื่อประชาชนของเขาก่อน และตนก็บอกว่าทุกอย่างที่ทำวันนี้เราถือว่าประชาชนเป็นศูนย์กลาง มันก็อันเดียวกัน แต่คำว่าประชาชนเป็นศูนย์กลางมีกี่พวก บ้านอื่นเมืองอื่นเขามีแบบเราหรือไม่ ที่แบ่งเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย พร้อมใช้ความรุนแรง และการกระทำผิดกฎหมาย มันไม่เหมือนกัน ซึ่งของเราค่อนข้างที่จะเอากฎหมายมาสู้กัน ตรงนั้นคืออันตราย

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ในโค้งสุดท้ายจะไม่มีอุปสรรคอะไรขวางโรดแมปที่วางไว้ นายกฯกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่ามีรัฐธรรมนูญหรือยัง ตามโรดแมปถ้าไม่ผ่านประชามติก็ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ไม่ใช่ว่าตนจะบังคับให้คนต้องผ่าน ตนพูดตรงนี้อย่านำไปตีความผิดกัน ต้องเอาหลักการมาพูด การเลือกตั้งต้องมีรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีก็เลือกตั้งไม่ได้ และการเลือกตั้งจะจัดได้ก็ต้องไม่มีความรุนแรง ไม่มีความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น บ้านเมืองต้องมีเสถียรภาพ ประชาชนออกมาลงคะแนนเสียงด้วยความเป็นอิสระ ตนไม่ได้ไปบังคับใครรับหรือไม่รับ เลือกหรือไม่เลือก ตนเดินโรดแมป และไม่ไปยุ่งเกี่ยวทั้งสิ้น เป็นเรื่องของกระบวนการ

เมื่อถามว่าในฐานะที่นายกฯคุมเกมทุกอย่างตอนนี้ ห่วงอะไรในวันลงประชามติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ห่วงตีกันมั้ง ระหว่างคนไปลงประชามติ บางทีไปเจอคนไม่ถูกชะตากัน ตนมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย อย่าใช้อาวุธก็แล้วกัน และอย่าเอาตนไปยุ่งเกี่ยว มันคนละเรื่อง

เมื่อถามว่าหากเทียบกับการทำประชามติของอังกฤษที่มีเสียงเรียกร้องให้จัดขึ้นรอบสอง แล้วในบ้านเราจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบนั้น นายกฯกล่าวว่า คนละประเด็นกัน เราไม่มีรัฐธรรมนูญ ของเขาเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร และเป็นเรื่องการเข้าออกอียู มันคนละเรื่องกัน จะมาถามตนได้อย่างไร คนละประเด็น แต่เรื่องรัฐธรรมนูญในบ้านเรา มีบางฝ่ายพร้อมจะไม่เข้าใจอยู่แล้ว กฎหมายออกมาเท่าไหร่ยังทำอะไรไม่ได้ แล้วจะเอาอย่างไร เอาแบบอังกฤษที่ไม่ต้องมีลายลักษณ์อักษรใช่ไหม ก็รอไปแล้วกัน ให้เราเหมือนอังกฤษเขาก่อน แต่กฎหมายบ้านเราไม่ได้เขียนให้ทำประชามติสองครั้ง ฉะนั้นอย่าถามอะไรที่มันไม่มี

“การทำประชามติ ถ้าโหวตโน ก็ต้องไปถามคนที่ตั้งใจจะล้ม ที่ไม่ใช่ความคิดเป็นอิสรเสรี ที่มีการบิดเบือนกันอยู่ทุกวัน ต้องไปถามประชาชนหรือแม่ค้าที่มีสิทธิเลือกตั้ง ว่ารู้เรื่องรัฐธรรมนูญหรือเปล่า สนใจแค่ไหน เขาเดือดร้อนกับรัฐธรรมนูญแค่ไหนอย่างไร ไปถามคนที่เขาหากินทุกวันนี้บ้าง แต่มันจำเป็นต้องทำรัฐธรรมนูญ เพราะประเทศต้องเป็นประชาธิปไตย หรือต้องการประเทศล้มเหลวก็แล้วแต่ ถ้าเป็นความต้องการของคนไทยก็เอา” นายกฯกล่าว

เมื่อถามว่าวันนี้คิดว่าในเรื่องสีเสื้อสลายแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ ไม่สนใจ จะสีอะไรก็สีไปเถอะ วันนี้ตนใส่เสื้อหลายสี เหมือนผ้าขาวม้า สีก็คือสีทำให้สีสวยๆ ดีๆ เสียหมด คนไทยไม่มีสี เลือดสีเดียวกันหมด เลือดสีน้ำเงิน สีฟ้า มีไหม ก็เลือดสีแดงทั้งนั้น เลือดความเป็นไทย เลือดบรรพบุรุษมีเหลือกันบ้างไหม หรือไม่มีแล้ว ประชาธิปไตยต้องเลือดคนละสีหรือ

เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสลายสีได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่มีฉบับเก่าเลยจะไปฉบับใหม่แล้ว การมองไปข้างหน้าของตน ทำไมต้องบอกใคร สื่อก็มองของสื่อไปตนมองของตนเพราะมีอำนาจ เมื่อถามว่าจากที่นายกฯมีอำนาจแล้วคิดว่าจะสลายสีได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนสั่งให้เขาสลายได้ อยู่ที่จะช่วยกันหรือไม่

เมื่อถามว่าหากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถ้ายังมีการแบ่งสีแบ่งฝ่ายเหมือนเดิมจะเสียดายที่เข้ามาหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน จะเอายังไงบอกมาถามประชาชนมา สื่ออย่ามาถามแทน เพราะไม่ใช่ประชาชนทั้งประเทศ แต่ขอถามกลับประชาชนต้องการอะไร ให้ประเทศชาติเดินหน้าหรือเปล่า หรือให้เป็นสีแบบนี้ ต้องการคนไม่มีธรรมาภิบาลมาบริหารหรือเปล่า ถามแบบนี้จะได้สร้างสรรค์ ตนหยุดสถานการณ์ให้ยังไม่พออีกหรือ หยุดเพื่อให้จุดกันต่อหรือไง

“ผมมาเสี่ยงทุกวันนี้ไม่ได้ทวงบุญคุณใครเลยนะ คิดว่ามันไม่เสี่ยงหรือไง ผมสามารถทำคนเดียวได้ไหม แล้วก็ไม่มั่นใจว่าประชาชนจะร่วมมือ เพราะสื่อเองยังไม่ร่วมเลย เอาข้างนู้นมาถามข้างนี้ สื่ออาจจะไม่เจตนาแต่ถ้าเอาข้างนู้นมาถามด้วย ตนไม่ฟังเพราะเขาไม่เข้ามาในทางที่ถูกต้อง เวทีก็มี เข้ามาครั้งแรกครั้งเดียวแล้วไม่มาอีก และมาบอกว่าไม่เชิญ มันถูกไหม เช่น เวทีที่สโมสรทหารบก” นายกฯกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image