คสช.จับตาพฤติกรรม“วัฒนา”เคลื่อนไหว เหน็บ“หญิงหน่อย”เช็คเรตติ้ง ฝ่ายกม.ติดตาม

คสช.จับตาพฤติกรรม“วัฒนา”เคลื่อนไหว เหน็บ “หญิงหน่อย” เช็คเรตติ้งกระแส นัดถกนักการเมือง ลั่นไม่ได้ละเมิดสิทธิ์ 7 นศ.

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศสิงคโปร์ว่า การที่นายวัฒนาเดินทางไปต่างประเทศ สืบเนื่องจากการที่คสช.มีคำสั่งยกเลิกการห้ามนักการเมืองเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนปรน ในส่วนของคนที่มีคดีความต้องไปขออำนาจศาล แต่ถ้าไปเคลื่อนไหวทางการเมืองทางคสช.ก็ติดตามเฝ้าดูอยู่ ส่วนจะละเมิดข้อกฎหมายใดเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องดูแล ซึ่งขณะนี้บรรยากาศบ้านเมืองยังคงสงบ และคสช.ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ส่วนภาพการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะเป็นช่วงใกล้ถึงวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ขอยืนยันว่ามีฝ่ายกฎหมายติดตามอยู่ การเคลื่อนไหวต่างๆ ต้องไม่นำไปสู่การยุยงปลุกปั่น หรือนำไปสู่ความรุนแรง ในส่วนของคสช.ต้องประเมินสถานการณ์ตามช่วงเวลา ส่วนกรณีของนายวัฒนาที่สวมเสื้อไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไปพบนายทักษิณถือเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล เพราะยังมีอีกหลายร้อยคนที่คสช.อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศได้ แต่ก็ไม่ได้แสดงพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งก็ต้องติดตามพฤติกรรมของนายวัฒนาต่อไป

พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย นัดอดีตนักการเมืองมาหารือกัน ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียด เป็นเพียงกระแสว่าจะมีการพูดคุย ยังไม่มีอะไรพิเศษ หากคุณหญิงสุดารัตน์ไปจับมือนักการเมืองออกมาเคลื่อนไหวจะผิดหรือไม่นั้น ทางฝ่ายกฎหมายติดตามอยู่ แต่การปฏิบัติยังไม่เกิด เป็นเพียงแนวความคิดว่าจะทำแบบนั้น ประกอบกับทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เตือนผ่านสื่อมวลชนระบุว่าอะไรก็ตามถ้าผิดกฎหมายก็อย่าทำ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าคุณหญิงสุดารัตน์และนักการเมืองต่างๆ เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการการเมืองจะไม่ทำผิดคำสั่งคสช.กรณีชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป ทั้งยังมองว่าบางทีก็สร้างกระแสมากกว่า คสช.จับตาดูงานด้านความมั่นคง เวลานี้ไม่สมควรเคลื่อนไหวสร้างความสับสนให้ประชาชน ควรสร้างการรับรู้และเชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ กระแสบิดเบือนความขัดแย้งไม่ควรเกิดขึ้น คสช.ต้องใช้มาตรการเตือนลงไป เพราะบรรยากาศบ้านเมืองตอนนี้สงบ รัฐบาลแก้ไขทุกปัญหาไม่ได้เฉพาะด้านการเมือง พร้อมทั้งขอสังเกตว่าการรวมตัวกันของกลุ่มที่เคยขัดแย้งกันมาก่อนในอดีตเพื่อมาหาทางออกให้ประเทศถือมีนัยยะสำคัญที่คสช.จะต้องติดตามต่อไป แต่คสช.ยังระบุไม่ได้ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่อการเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่สิ่งใดก็ตามที่ประเทศสงบและประชาชนมีความสุข คสช.ไม่ขัดข้อง

“เมื่อเกิดกระแส เราจะวิเคราะห์สถานการณ์และคลี่คลายเหตุการณ์ต่างๆให้เป็นไปตามความเหมาะสม โดยยึดกรอบของกฎหมายและไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือนำไปสู่ความรุนแรง ไม่ต้องกังวล เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นไปตามวงรอบเพื่อจุดกระแส แหย่ด้วยการบิดเบือน แฉเชือนไม่เคารพกฎหมาย ขยายกระแสด้วยแถลงการณ์ ชวนเพื่อนบ้านมาสาวไส้ จบลงด้วยการเช็คเรตติ้ง สรุปทุกสิ่งเพื่อผลประโยชน์กลุ่มตน” พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าคสช.ไฟเขียวให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยนั้น พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า คสช.ติดตามการเคลื่อนไหวของทุกฝ่าย พร้อมประเมินพฤติกรรม โดยนำพฤติกรรมในอดีตมาเปรียบเทียบว่าเขาหวังผลต่อสิ่งใด ยืนยันคสช.ไม่เข้าข้างหรือยืนข้างใดข้างหนึ่ง แต่คสช.ยืนอยู่ข้างประชาชนเท่านั้น

ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนว่าคสช.ละเมิดสิทธิ์นักศึกษา 7 คนนั้น พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า ในเวลานี้ทั้ง 7 คนถูกควบคุมตัวภายใต้กฎหมาย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งการดำเนินการอยู่ที่ศาล ส่วนที่มองว่าจะไปละเมิดสิทธินั้นเป็นเรื่องที่คิดและพูดกันไป ซึ่งเชื่อว่าจะไม่สามรถจุดกระแสนักศึกษากลุ่มอื่นลุกขึ้นมาร่วมต่อต้านได้ เพราะเชื่อว่าคสช.ทำงานตามกรอบกฎหมายและยึดความเป็นธรรม ไม่ใช่ความรุนแรง ปฏิบัติกับประชาชนทุกกลุ่มตามความเหมาะสมของสถานการณ์ หากมีหน่วยงานหรือองค์กรใดมีข้อสงสัย คสช.สามารถชี้แจงได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image