ป่าไม้ชี้ชัดรีสอร์ต-บ้านหรูบนเขาค้อเป็นแบบนายทุน ยันหนังสือปลัดมท.ไม่กระทบงาน

วันที่ 2 กรกฎาคม นายชลทิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเข้าตรวจสอบที่ดินแปลงโครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชศิวพร(ไร่สามตอ) หมู่ 6 บ้านดงหลง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ว่า พื้นที่เขาค้อก็เป็นเป้าหมายที่มีการก่อสร้างรีสอร์ตและบ้านพักตากอากาศค่อนข้างเยอะ จากการตรวจสอบของทีมพยัคฆ์ไพรในแปลงแรกพบว่ารูปแบบดำเนินการโดยนายทุนชัดเจน ร่วมกับกรอ.และเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายมีความเห็นชัดเจนว่าต้องร่วมตรวจพิสูจน์ต่อไปว่าใครอยู่เบื้องหลัง

นายชลทิศกล่าวอีกว่า พื้นที่เป้าหมาย 970 แห่งตั้งเป้าจะดำเนินการให้เสร็จภายใน90วันคือสิ้นเดือนกันยายนนี้ ขั้นตอนแรกให้เจ้าของที่ดินแสดงสิทธิการครอบครองที่ดิน โดยเฉพาะสิทธิที่ได้มาโดยประมวลกฎหมายที่ดินให้โอกาสแสดงหลักฐานก่อนหากแปลงไหนมีความสงสัยก็ประสานงานกับกรมที่ดิน กรมธนารักษ์ สปก.เพื่อให้ตรวจสอบต่อไป กรณีรายใดที่ไม่มีหลักฐานการได้มาและไม่ได้สำรวจการถือครองตามมติ ครม. ปี 2541 และรูปแบบการถือครองแสดงเป็นนายทุนถือครอง ก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายที่มีอยู่

“พื้นที่เขาค้อก็เป็นที่น่ากังวลหลังการแปลภาพย้อนหลังไป 2-3 ปีก่อนจะมีคำสั่งคสช.มีการขยายตัวของที่ดินและสิ่วก่อสร้างค่อนข้างมาก.ดังนั้นทางเราจำเป็นต้องร่วมกันปฏิบัติภารกิจตามคำสั่ง เพื่อหยุดยั้งไม่ให้มีการบุกรุกต่อไป” นายชลทิศกล่าวและว่า โดยการบุกรุกใหม่ตามนโยบายและคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557และ66/2557 ทางกรมป่าไม้ร่วมกับดีเอสไอ กอ.รมนและกรมปกครอง มีนโยบายชัดเจนกรณีทีมีการบุกรุกใหม่หรือบุกรุกโดยกลุ่มนายทุน จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากทรัพยากรป่าไม้เป็นความมั่นคงต่อชาติและเหลือพื้นที่ป่าเพียงแค่ 102.4 ล้านไร่

นายชลทิศตอบข้อซักถามถึงความจำเป็นอาจต้องใช้ ม.44 เพื่อดำเนินการกับพื้นที่เป้าหมาย 970 แห่งหรือไม่ด้วยว่า ในชั้นนี้ขอตรวจพิสูจน์ก่อนคงไม่จำเป็นต้องถึงกับร้องทุกข์กล่าวโทษ ยังให้โอกาสผู้ใช่ประโยชน์จากป่าแสดงสิทธิให้แล้วเสร็จก่อน หลังจากสรุปเรื่องให้ทราบชัดเจนว่ามีผู้บุกรุกกี่รายที่อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนหรือป่าไม้ถาวร หลังจากนั้นจึงจะมาวิเคราะห์วางแผนกันอีกครั้งว่าจะเข้าไปจัดการอย่างไรกับพื้นที่ที่เป็นปัญหา

Advertisement

อธิบดีกรมป่าไม่ยังตอบข้อถามที่ว่าหนักใจกับที่ดินเขาค้อซึ่งส่วนใหญ่นายทุนที่ถือครองมีทั้งคหบดี อดีตข้าราชการและนักการเมืองว่า ปัญหาทรัพยากรป่าไม้ไม่ใช่เพิ่งเกิดต้องเรียนตามตรงว่า เกิดมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี เป็นปัญหาที่สะสม และได้กลายเป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมาย ถือเป็นโชคดีการที่จะมีทหาร ตำรวจ ป่าไม้ ปกครอง ปฏิบัติการและมีความเห็นร่วมกันถือว่าสำคัญที่สุด

“ในอดีตที่ผ่านมามีปัญหาทั้งในเรื่องของนักการเมืองและความเห็นที่ไม่ตรงกันของต่างกระทรวง นายกรัฐมนตรีพูดชัดเจนว่าการที่ต้องปฏิรูปหมายถึงปฏิรูปตั้งแต่ระบบความคิด วันนี้แนวคิดของทุกฝ่ายรวมทั้งประชาชนมั่นใจว่ามีความคิดเหมือนกันทำอย่างไงให้ทรัพยากรธรรมชาติคงอยู่เพื่อลูกหลาน และทำอย่างไรให้ผู้ที่ไม่สมควรได้ใช้ประโยชน์ในทรัพย์ของดินสมควรจะออกไป”  นายชลทิศ กล่าว

201607021741244-20021028190322

Advertisement

นายชลทิศกล่าวถึงข้อถามถึงหนังสือปลัดมท.ท้วงติงเรื่องการให้ข่าวชี้นำถึงเอกสารสิทธิในเขตป่าที่ออกโดยกรมที่ดินออกโดยมิชอบว่า ไม่เลย จริงๆแล้วการทำงานของกรมป่าไม้ให้ความสำคัญกับที่ดินมีเอกสารก่อน สมมุติฐานของการเข้าไปจัดการเรายังเชื่อมั่นหลักฐานของทางราชการ วันนี้เองก็มีโอกาสพูดคุยกับผู้อำนวยการของสำนักงานกรมที่ดิน ก็บอกว่าการปฏิบัติการของกรมป่าไม้ต่อไปนี้จะประสานกับกระทรวงมหาดไทยและทางปกครองอย่างใกล้ชิด ไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนมีความรู้สึกว่าการออกหลักฐานของทางราชการเป็นการออกหลักฐานที่ขาดการเชื่อมั่น

“ทุกครั้งที่มีการทำงานกรมป่าไม้ประสานงานกับกรมปกครอง อย่างวันนี้ก็จะมีนายอำเภอมา และทุกครั้งที่ทีมพยัคฆ์ไพรไปก็จะมีเป้าหมายแรกโดยการไปคุยกับทางนายอำเภอก่อนและคุยกับกำนันผู้ใหญ่บ้านก่อน ถ้าหากขาดหลักฐานเรื่องพวกนี้ก็จะทำให้ขาดการประสานงานไม่ครบตามรูปแบบที่กำหนด”นายชลทิศกล่าว

อธิบดีกรมป่าไม้ตอบข้อถามถึงพื้นที่บนเขาค้อที่ดำเนินการขีดวงแค่พื้นที่เขตป่าไม่เกี่ยวกับพื้นที่ทหารขอใช้หรือใช่หรือว่าด้วยว่า เราดูภาพรวมทั้งหมด เพียงแต่พื้นที่บางแปลงที่มีการขอใช้ประโยชน์ก็ต้องดูเงื่อนไขของการใช้ประโยชน์เดิม ไม่ได้ขีดแต่ว่าเป็นการใช้ประโยชน์โดยทหาร เป็นการขออนุญาตโดยสปก.หรือกระทรวงพม. เรามีการขออนุญาตโดยใช้ส่วนราชการต่างๆเยอะ  วัด โรงเรียน ชลประทานก็มีขออนุยาตใช้พื้นที่ ดังนั้นถ้าพื้นที่แปลงใดมีการขออนุญาตไว้แล้วเราก็จะขีดเขตไว้ก่อนว่ามีการขออนุญาต แต่การขออนุญาตนั้นจะผิดเงื่อนไขหรือไม่ต้องมีการคุยในเงื่อนไขกับส่วนราชการนั้น คงไม่มีการเอาปนกันระหว่างพื้นที่ที่มีการขออนุญาตใช้ประโยชน์อยู่แล้วกับพื้นที่ที่มีการบุกรุก เพราะ

นายชลทิศกล่าวอีกว่า พื้นที่ที่มีการขออนุญาตใช้ประโยชน์แสดงว่าเจตนารมณ์มีความบริสุทธิ์ก่อน เขามีความตั้งใจในการใช้ประโยชน์ในที่ดินจึงมีการขออนุญาต แต่กรณีที่จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายคือผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตและกลุ่มทุนที่มีเจตนาจะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติเสียหาย ซึ่งเป็นมาของปฏิบัติการในครั้งนี้

เมื่อถามว่าคาดหวังว่าปฏิบัติการครั้งนี้จะสามารถหยุดยั้งกลุ่มนายทุนได้หรือไม่ เพราะยังมีการฝ่าฝืนและพบการบุกรุกใหม่อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งนายชลทิศกล่าวอีกว่า “การปฏิบัติทุกอย่างมีความมุ่งมั่นจะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ แต่การแก้ไขจะสำเร็จไม่ได้หากขาดความร่วมมือจากประชาชน ถ้าถามว่าความสำเร็จจะอยู่ตรงไหนก็คือว่า พี่น้องประชาชนในประเทศทั้ง 60 ล้านคนมีความคิดเป็นหนึ่งเดียวกันว่า จะไม่ปล่อยให้ทรัพย์แผ่นดินตกอยู่ในมือของนายทุน ให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสเข้ามา หากทุกคนหรือคนละไม้คนละมือช่วยกันชี้เป้า มั่นใจว่าทำสำเร็จแต่หากขาดความร่วมมือจากประชาชนและส่วนราชการต่างๆผมว่าความสำเร็จคงจะเกิดไม่ได้อย่างแน่นอน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image