คอลัมน์โครงร่างตำนานคน ..สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ส่องลึก’บางตัวตน’

“ยังไม่ทันที่จะได้เริ่มพูดคุยกันเพื่อหาทางร่วมมือในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ก็มีคำตอบจากหัวหน้าพรรคการเมืองเก่าแก่ในลักษณะปิดฉากการหารือ”

คือถ้อยเริ่มต้นในหน้าเฟซบุ๊ก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

ในวันรุ่งขึ้นหลัง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์หลังได้รับรายงานจาก นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เรื่องที่ “สุดารัตน์”

เกิดประเด็นนัดนักการเมืองหารือ “ทางออกของประเทศ” โดย “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” บอกตอนหนึ่งว่า “สิ่งที่ต้องระวังคือนักการเมืองอาจถูกมองว่าสร้างประเด็นทางการเมืองขึ้นมา หรือทำให้เกิดความหวาดระแวง”

Advertisement

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มองว่าอาจมีอะไรแอบแฝง ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือสร้างความไว้วางใจในสังคม” คือของ “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” ที่ทำให้ “สุดารัตน์”

ตอบคำว่า

“ดิฉันขออนุญาตเห็นต่างจากหัวหน้าพรรคของคุณนิพิฏฐ์ที่เกรงว่าผู้มีอำนาจจะหวาดระแวง

Advertisement

ถ้านักการเมืองได้มาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกให้กับประเทศชาติอย่างสร้างสรรค์ เพราะดิฉันคิดว่านักการเมืองต้องมีความ

กล้าหาญที่จะรับผิดชอบต่อประชาชน”

หลังการรัฐประหาร “นักการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชน” ถูกกดข่ม ประณามในเชิงเป็น “กลุ่มชนที่สร้างปัญหาให้กับประเทศ”

ถูกตอกย้ำให้ติดอยู่กับภาพ “พวกที่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม เต็มไปด้วยพฤติกรรมทุจริตประพฤติมิชอบ เข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากส่วนรวมเป็นของส่วนตัว”

และที่สุด “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ถูกร่างขึ้นมาเพื่อลดบทบาทของนักการเมืองจากการเลือกตั้งลง ให้สิทธิพิเศษกับ “นักการเมืองพวกรอการเสวยอำนาจจากการแต่งตั้ง” แทน

เหล่านี้เป็นแรงบีบคั้นให้ “ผู้เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย” ที่ “ไว้วางใจกับอำนาจของประชาชน” ให้เกิดความรู้สึกว่า “นักการเมืองจากการเลือกตั้ง”

ควรจะมีสำนึกที่จะออกมาต่อสู้ให้เห็นว่า “นักการเมืองจากการเลือกตั้ง” ไม่ได้เลวทรามต่ำช้าถึงขนาดนั้น และควรจะให้คุณค่ากับ “อำนาจของประชาชน”

แทนที่จะยอมจำนนด้วยกับข้อครหาดังกล่าว

นักการเมืองที่ปวารณาตัวเองเป็น “ผู้แทนประชาชน” ควรจะมีสำนึกในการคิดถึงประชาชน

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น มีข้อครหาอยู่ไม่น้อยว่า มีนักการเมืองบางจำพวกที่ไม่มีความเชื่อมั่นในประชาชน

พร้อมที่จะอิงแอบอำนาจนอกระบบเพื่อแสวงหาอำนาจให้ตัวเอง โดยพร้อมที่จะละเลยการตัดสินของประชาชนเสียงส่วนใหญ่

มีความพยายามชี้ให้เห็นว่า แท้ที่จริงแล้วความยุ่งยากที่เกิดขึ้นกับประเทศชาตินั้น มาจากนักการเมืองจำพวกที่ไม่เคยศรัทธาในประชาชนนี้

คิดแต่การเปิดทางสู่อำนาจไว้ให้ตัวเอง ด้วยวาทกรรมที่คลุมเครือ

อย่างไรก็ตามมีความเชื่อว่าในที่สุดแล้ว เวลาจะพิสูจน์เองว่า ใครเป็นนักการเมืองแบบไหน

บางทีเวลาที่จะพิสูจน์เริ่มสาดแสงให้เห็นความเป็นจริงนั้นรางๆ แล้ว และอีกบางทีอะไรต่ออะไรจะยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแนวโน้มกระจ่างขึ้นว่า

“ใครจะเป็นผู้กำหนดอำนาจเฉพาะหน้า”

นักการเมืองที่หวังโอกาสเข้าสู่อำนาจ โดยไม่เลือกวิถีทาง ย่อมแสดงตัวตนออกมาในการรีบเร่งตะครุบโอกาสแห่งอำนาจนั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image