นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ก.ค.ศ.เมื่อเร็วๆ นี้ มีมติเห็นชอบตามที่ ก.ค.ศ.เสนอปรับแก้หลักเกณฑ์และวิธีการนำรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีอื่น มาเป็นบัญชีของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) หรือ ว3/2559 ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั้งนี้ หลังจากที่ ก.ค.ศ.แจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ที่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ที่อดีตคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่ฯได้ขึ้นบัญชีไว้ ให้ดำเนินการใช้บัญชีไปตามอายุของบัญชีที่แต่ละเขตพื้นที่ฯกำหนดไว้ และ ถ้าในแต่ละจังหวัดมีบัญชีของอดีต อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯหลายบัญชี ในกลุ่มวิชาหรือสาขาหรือวิชาเอกเดียวกัน ให้ กศจ.ดำเนินการจัดทำเป็นบัญชีรวมของ กศจ. โดยแยกตามสาขาหรือวิชาเอก ซึ่งการรวมบัญชีเป็นบัญชีของ กศจ.ครั้งนี้จะอยู่ในกลุ่มผู้ที่สอบแข่งขันได้ขึ้นบัญชีในปี 2558 และให้ผู้สอบขึ้นบัญชีที่ประสงค์จะมาอยู่ในบัญชีรวมของจังหวัด เข้ารับการประเมินตาม ว3/2559 ที่ได้กำหนดให้ กศจ.ประเมินโดยการสอบข้อเขียนแบบปรนัยและสอบสัมภาษณ์เพื่อเรียงลำดับคะแนนใหม่ไปเมื่อเร็วๆ นี้นั้น ปรากฏว่า กศจ.หลายแห่งมีปัญหาในเรื่องการประเมิน ดังนั้นจึงเสนอให้ ก.ค.ศ.ปรับวิธีการประเมินใหม่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่
“หลังจากมีการแจ้งเรื่องดังกล่าว พบว่า กศจ.หลายแห่งมีปัญหา อาทิ บางแห่งมีผู้ยื่นความประสงค์มาขึ้นบัญชีของ กศจ.เพียงคนเดียว ทั้งที่โดยหลักการอยู่ได้ทั้ง 2 บัญชี หรือในจังหวัดนั้นมีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในกลุ่มวิชาหรือสาขาวิชาเอกเหลืออยู่เพียงบัญชีเดียว หากจะประเมินเพื่อจัดลำดับที่โดยการสอบข้อเขียนแบบปรนัยและสัมภาษณ์ อาจทำให้ต้องสูญเสียงบประมาณและเพิ่มภาระงาน กศจ. ดังนั้นจึงมีมติให้ยกเลิก แล้วให้ประเมินตามวิธีการที่ กศจ.กำหนดได้ตามความเหมาะสม โดยอายุการขึ้นบัญชีให้ใช้อายุบัญชีเท่าเดิม แต่การประเมินจะต้องตอบข้อสงสัยต่างๆ ของสังคมได้ โดยคำนึงถึงความโปร่งใส เป็นธรรม และเสมอภาค” นายพินิจศักดิ์กล่าว
