เมื่อวันที่ 7กรกฎาคม พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณี นางไก่ ยื่นถอนแจ้งความลูกจ้างชาวกัมพูชา 3 คน ในข้อหาลักทรัพย์และยักยอกทรัพย์ เมื่อปี 2557 และคดีที่แจ้งความจับทหารยศพันเอก ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ในเดือนมกราคม 2559 โดยมองว่า นางไก่ ที่อยู่ในฐานะผู้เสียหาย ย่อมสามารถใช้สิทธิส่วนตัวในการถอนคำร้องทุกข์ได้ ถ้าเป็นเรื่องความผิดต่อส่วนตัวกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจน ซึ่งการถอนแจ้งความเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ข้อเท็จจริงต้องเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยทางตำรวจต้องตรวจสอบรายละเอียด ข้อเท็จจริงทั้ง 9 คดี ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องเท็จต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือหากแต่ละคดีนั้นมีทั้งความจริง และความเท็จผสมผสานกัน ทางตำรวจต้องมาแยกแยะ เพื่อหาว่าเข้าองค์ประกอบความผิดอย่างไรบ้าง ที่ นางไก่ ได้เป็นผู้ที่แจ้งความเอาผิดกับลูกจ้าง ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
“ตอนนี้ทุกหน่วยงานทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจกองปราบปราม ร่วมมือกันทำงานทุกฝ่าย ซึ่งผมในฐานะ ผบช.น. รับผิดชอบตำรวจ ในท้องที่เกิดเหตุ ก็ต้องลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร หรือมีเหตุทำให้การทำคดีนี้ล่าช้าหรือไม่ ตามที่มีผู้เสียหายที่เป็นอดีตลูกจ้างของนางไก่ อ้างว่า มีนายตำรวจ สน.ประชาชื่น เข้ามาเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงคดี ทั้งนี้ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” รรท.ผบช.น. กล่าว
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวเสริมอีกว่า ตำรวจต้องสอบสวนขยายผลไปถึงความสัมพันธ์ ระหว่าง นางไก่ กับนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 เพราะก่อนหน้านี้ ที่มีปรากฏตามข่าวทางสื่อมวลชน ว่า ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กัน แต่ขณะนี้คงยังไม่สามารถเชื่อมโยงว่านางไก่ จะเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดมาตรา 112 หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่ข้อเท็จจริง ให้สิ้นกระแสความ หมดข้อสงสัยเสียก่อน ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น
