‘เจ้าคุณประสาร’เผย ‘องค์กรพุทธ-พระ’เตรียมหารือเคลื่อนไหวหลังนายกฯ ยันยังไม่ทูลเกล้าฯ สมเด็จช่วง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงข่าวผลสรุปการตีความมาตรา 7 แห่งพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ของคณะกรรมการกฤษฎี โดยระบุว่ามติของมหาเถรสมาคม(มส.)ที่นำเสนอรายชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 นั้นขัดกับมาตรา 7 หรือไม่ โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่าไม่ขัดมาตรา 7 พร้อมกันนี้นายวิษณุระบุว่าคณะกรรมการกฤษฎีตีความมาตรา 7 วรรค 2 ว่าต้นเรื่องที่เสนอชื่อสมเด็จพระราชาคณะที่อาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น สามารถตั้งต้นเรื่องได้ทั้งที่นายกฯ และมส. นั้น

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ศพศ) ให้สัมภาษณ์ว่า การตีความของกฤษฎีกา ยืนยันว่าขั้นตอนการเสนอชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นสมเด็จพระสังฆราช ของมส.ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง แต่สิ่งที่น่าห่วงใยคือการให้สัมภาษณ์ของผู้นำประเทศที่พูดทำนองว่าจะยังไม่ทูลเกล้าฯ ถ้าคดียังไม่เรียบร้อย ซึ่งอาตมาขอย้ำคำเดิมว่าถ้านายกฯ ยังเชื่อคำพูดของคนบางกลุ่มที่ไม่หวังดีต่อพระสงฆ์และมหาเถรสมาคม ความไม่สงบก็จะเกิดขึ้นเช่นนี้ตลอดไป ความจริงตอนนี้นายกฯ น่าจะรู้แล้วว่าคดีของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์นั้น เป็นการใส่ร้าย ดังนั้นถ้านายกฯ ยังรับลูกกับคำพูดของคนบางกลุ่มที่ไม่ประสงค์ดีต่อมหาเถรสมาคม องค์กรชาวพุทธจะมีการเคลื่อนไหวแน่นอน เพราะถือเป็นความชอบธรรมที่จะออกมาแสดงท่าทีขององค์กรชาวพุทธที่มีต่อคำให้สัมภาษณ์ของผู้นำประเทศ

“พรุ่งนี้(12 กรกฎาคม)อาตมาจะประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนต์กับพระแกนนำ 4-5 รูปเพื่อกำหนดท่าทีของพระสงฆ์และองค์กรชาวพุทธที่มีต่อคำให้สัมภาษณ์ของผู้นำประเทศ ส่วนที่ถามว่าจะเหลืองทั้งแผ่นดินหรือไม่นั้น อาตมายังไม่กล้าพูดขนาดนั้น แต่พูดได้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน” พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าว

เมื่อถามว่า ถ้าถูกแจ้งความ กรณีที่ห้ามชุมนุมทางการเมือง หรือมั่วสุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า มั่นใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยชุมนุมในเรื่องทางการเมือง แต่เป็นเรื่องการปกครองภายในคณะสงฆ์ ซึ่งถ้าอาตมาจะโดนอะไรจากนี้ ก็ถือว่า แล้วแต่บุญแต่กรรมทางพุทธศาสนา ในเมื่ออาตมาบวชมาทางนี้ ก็ต้องเชื่อเรื่องบุญกรรม

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image