ส.ป.ก.ลุยยึดที่พันไร่ นักธุรกิจดังยินดีคืน แฉถูกหลอกซื้อยุคชาติชายสูญกว่า 36 ล้าน

วันที่ 13 กรกฎาคม 2559 เมื่อเวลา 10.30 น. นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นางรจนพรรณ ณรงค์อินทร์ นิติกร ส.ป.ก.กาญจนบุรี นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 900 ไร่ หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ที่ได้รับการร้องเรียนว่า มีสมาคมชื่อดังแห่งหนึ่งเข้ายึดพื้นที่และมีการทำข้อตกลงกับชาวบ้ายรายหนึ่ง รวมเนื้อที่ขายให้กับวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ โดยข้อตกลงทำขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2552 ครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากธนารักษ์พื้นที่กาญจนบุรี เดินทางไปด้วย เนื่องจากต้องเข้าไปตรวจสอบพื้นที่จำนวน 450 ไร่ ที่ติดกับเขตวัดป่าหลวงตาบัวฯ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินราชพัสดุ อยู่ในความดูแลของกองทัพบก โดยมณฑลทหารบกที่ 17 แต่มีประชาชนร้องเรียนว่ามีผู้บุกรุกยึดถือครอบครอง จึงต้องบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เข้าทำการตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อดำเนินการกับผู้บุกรุกต่อไป

สำหรับที่ดินทั้ง 3 แปลง เป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด ประกอบด้วย แปลงแรก ที่วัดป่าหลวงตาบัวฯ บุกรุก จำนวน 931 ไร่ รวมกับที่ดินที่ยึดคืนจากแปลงที่วัดขออนุญาตใช้ประโยชน์ จำนวน 111 ไร่ รวมเป็นเนื้อที่ 1,042 ไร่ แปลงที่สอง ที่ น.ส.เพียงใจ หาญพาณิชย์ บุกรุก จำนวน 1,263 ไร่ แปลงที่สาม ที่สมาคมชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี บุกรุก จำนวน 900 ไร่ รวม 3 แปลงเป็นเนื้อที่ จำนวน 3,205 ไร่ จะสามารถนำมาจัดสรรให้กับราษฎร จำนวน 420 ราย/ครอบครัว โดยแบ่งเป็นพื้นที่ทำกินที่จัดสรรให้กับราษฎรรายละ 5 ไร่ จำนวน 1,816 ไร่ และแบ่งเป็นที่ดินแปลงรวมประมาณ 1,248 ไร่

ต่อมาเวลาประมาณ 11.15 น. น.ส.เพียงใจ พร้อมด้วย นางศศิธร ทองถวิล เลขาส่วนตัว ได้มารอพบที่สำนักงาน ส.ป.ก. ดังนั้น นายวัชรินทร์ จึงรีบเดินทางกลับที่ทำงานทันที โดย น.ส.เพียงใจ เปิดเผยว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวซื้อเมื่อปี 2532 ซึ่งยุคสมัยที่ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะพบว่ามีการกว้านซื้อที่ดินเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีการเร่งออกโฉนด ซึ่งไม่ทราบมาก่อนว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของรัฐ โดยตอนนั้น มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและนายหน้า นำที่ดินมาเสนอขายไร่ละ 12,000 บาท รวมพื้นที่ทั้งหมดจำนวน 3,000 ไร่ รวมเป็นเงิน 36 ล้านบาท หลังจากที่จ่ายเงินแล้ว กลุ่มผู้กว้างขวางดังกล่าวก็ได้ร่วมกันโกงที่ดินเป็นจำนวนมาก ตนจึงเหลือที่ดินเพียง 1 พันไร่เศษ จากนั้นเมื่อปี 2537 นายหน้าคนดังกล่าวได้เสียชีวิตลง ต่อมาบุตรสาวของนายหน้าก็ได้ว่าจ้างกลุ่มบุคคลเข้าไปทำการยึดถือครอบครองที่ดินที่เหลือทั้งหมด พร้อมกับให้นักเลงท้องถิ่นมาข่มขู่ตนถึงขั้นเอาชีวิตด้วย ตนจึงนำป้ายไปปักไว้เพื่อแสดงสิทธิ์ตามที่เห็นว่าห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปบุกรุกที่ดินแปลงดังกล่าวอีกไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีเช่นกัน

201607131611243-20021028190336

Advertisement

น.ส.เพียงใจ กล่าวอีกว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตนตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีในสมัยนั้นได้นำป้ายมาปักโฆษณาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเอาไว้ว่า “แดนมหัศจรรย์”เนื่องจากถนนติดกับแปลงที่ดิน เป็นถนนที่ค่อนข้างที่จะอัศจรรย์ หากนำรถมาจอดบนถนนหันหน้าไปทางภูเขาที่เป็นเนินสูง รถก็จะไหลขึ้นไปเองอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งถือว่าเป็นความอัศจรรย์ และตั้งใจว่าจะสร้างโรงแรมบนต้นไม้บนที่ดินแปลงนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สร้าง ต่อมาหลังทราบว่าเป็นที่ของรัฐ ก็ขอยอมรับผิดเองที่ไม่ได้ตรวจให้ละเอียดและตนก็มีความยินดีที่จะส่งมอบคืนให้กับหน่วยงานรัฐด้วยความเต็มใจ การที่มาพบ ส.ป.ก.ในวันนี้ จุดประสงค์ก็คือต้องการมอบที่ดินให้กับ ส.ป.ก.โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น

ด้านนายวัชรินทร์ กล่าวว่า จากการบอกเล่าของ น.ส.เพียงใจ ทั้งหมดและการที่มาในวันนี้จึงถือได้ว่ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ และพร้อมยินดีที่จะคืนที่ดินทั้งหมดให้กับทาง ส.ป.ก.ด้วยความเต็มใจ ทั้งๆ ที่ต้องสูญเงินจำนวนนับสิบล้านบาทไปให้กับกลุ่มบุคคลที่มาหลอกขาย โดยที่ผ่านมา ตนได้ประกาศผ่านสื่อมวลชนไปก่อนหน้านี้ว่า ถ้าผู้ครอบครองที่ดินที่ต้องการส่งมอบคืนมาให้กับรัฐ เพราะเหตุที่ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นที่ดินของรัฐ เนื่องจากถูกหลอกให้ซื้อ จะได้มอบประกาศเกียรติคุณให้ ดังนั้นเมื่อ น.ส.เพียงใจ ยินดีที่จะคืนพื้นที่ให้ ส.ป.ก. ตนจะจัดทำเกียรติบัตร เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นบุคคลตัวอย่างที่ดีของประเทศ ซึ่งทาง ส.ป.ก.จะนำที่ดินดังกล่าวไปจัดสรรให้กับเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image