ตลกร้าย พ.ต.ท.บุกโอเกะ จำเสียง”จักรทิพย์”ไม่ได้ แถม”ดาบ”ขู่ปลด”ผบ.ตร.”

ข่าวคราวของตำรวจระยะนี้ มีหลายแง่มุม ทั้งบวกและลบ อีกเรื่องที่เหมือนจะตลก แต่เป็นตลกร้าย หรือตลกเจ็บตัวที่ขำไม่ออก ก็คือกรณีตำรวจที่เมืองพัทยา เข้าจับกุมคาราโอเกะก่อนตัวเองจะกลายเป็นผู้ต้องหาเสียเอง

เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อเวลาฟ้าสาง 05.00 น.ของวันที่ 15 ก.ค. น.ส.ปะระนิสา ไชยนาพาณิชย์กุล อายุ 36 ปี อาชีพนักธุรกิจ กับ น.ส.ปะระนิดา ไชยนาพาณิชย์กุล อายุ 22 ปี แอร์โฮสเตสฝึกงาน การบินไทย สองพี่น้องเจ้าร้าน “นางฟ้าคาราโอเกะ” ถนนพัทยาสาย 3 ย่านพัทยากลาง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.พิทักษ์ เนินแสง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา ให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1.บก.สส.ภ.2 กับ ร.ต.ท.จตุภูมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล รอง สว.กก.1.บก.สส.ภ.2 พร้อมพวกอีก 5 คน

สองพี่น้องระบุว่าพ.ต.ท.นราวุธกับพวก หน่วงเหนี่ยวกักขัง ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด โดยยกทีมเข้าตรวจค้นที่ร้านคาราโอเกะของตน พร้อมกับพยายามแจ้งข้อหาค้าประเวณี และไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบริการ

ที่เด็ดคือ สองพี่น้องแฉว่า พ.ต.ท.นราวุธกับพวก ยังกล่าวทำนองว่าจะสั่งปลด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี อีกด้วย

เพื่อความกระจ่าง ผู้สื่อข่าวได้รุดไปยังร้านนางฟ้าคาราโอเกะ น.ส.ปะระนิสาเปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 14 ก.ค. ลูกน้องที่ร้านโทรศัพท์มาบอกว่ามีตำรวจเข้ามาจับกุม ตนกับน้องสาวจึงรีบเดินทางมาและพบกลุ่มชายฉกรรจ์รวม 5 คนอยู่ภายในร้าน ในจำนวนนี้คือ พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1 บก.สส.ภ.2 กับ ร.ต.ท.จตุภูมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล รอง สว.กก.1 บก.สส.ภ.2

Advertisement

พนักงานในร้านเล่าว่า ก่อนหน้านี้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน สั่งเครื่องดื่มชูกำลัง 1 ขวดและบอกว่ามานั่งรอเพื่อน ก่อนเข้าไปหา น.ส.ชนิดา โชคเจริญ พนักงานเสิร์ฟ วัย 25 ปี ชักชวนไปร่วมหลับนอน เสนอค่าตัว2,000 บาท แต่ น.ส.ชนิดา ปฏิเสธ และบอกว่าร้านนี้ไม่มีการค้าประเวณี

ชายคนดังกล่าวจึงนำเงินไปยัดใส่มือ น.ส.ปราณี พลอยรัมย์ ดีเจสาวในร้านโดยไม่ได้บอกว่าเป็นค่าอะไร ลูกน้องตนเห็นท่าไม่ดีจึงโทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบ ระหว่างนั้นพ.ต.ท.นราวุธ ได้เข้ามาจับกุม พนักงานโดยมี ร.ต.ท.จตุภูมิ เป็นคนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเงินสดที่ น.ส.ปราณี กำไว้ในมือ พร้อมกับขู่ให้อยู่นิ่งๆ ห้ามขัดขืน

สองพี่น้องผลัดกันเล่าเหตุการณ์ให้ฟังอีกว่า พอพวกตนมาถึงก็ถูก พ.ต.ท.นราวุธ แจ้งข้อกล่าวหาว่าร้านของตนถูกจับในข้อหาค้ามนุษย์และค้าประเวณี ตนสอบถามถึงหลักฐานว่าเงินล่อซื้ออยู่ที่ไหนกับใคร ตำรวจเลยชี้ไปที่โต๊ะซึ่งมีเงินสดจำนวน 2,000 บาทวางอยู่

ตนเลยหันไปสอบถาม น.ส.ชนิดา ว่าขายตัวหรือ? ลูกน้องของตนยืนยันว่าไม่ได้ขายตัวแต่อย่างใด เงินจำนวนดังกล่าวตำรวจเป็นของตำรวจและบังคับให้พูดตามสคริปต์ว่า หากตนเดินทางมาถึงก็ให้ชี้ตัวว่าเป็นตัวการใหญ่ในการค้าประเวณี

หลังทราบเรื่องตนก็เลยโวยวายและไม่ยอมรับข้อกล่าวหา ทาง พ.ต.ท.นราวุธ จึงบอกว่างั้นให้ น.ส.ชนิดา รับเป็นผู้ต้องหาคนเดียว พอเด็กได้ยินก็หน้าเสียเกิดอาการตกใจ จากนั้นตำรวจจึงหันมาถามตนว่าที่ร้านมีใบอนุญาตหรือไม่ ตนเลยบอกว่าไม่มี ปกติร้านอาหารแถบนี้ก็ไม่มีอยู่แล้ว พ.ต.ท.นราวุธ เลยแจ้งข้อหาไม่มีใบอนุญาตอีก 1 ข้อหา พร้อมกับเชิญตัวไปโรงพัก

ตนจึงขอร้องให้อะลุ้มอล่วย แต่กลับถูกด่าว่าตนเองกวนตีน หัวหมอ และจะใส่กุญแจมือ ตนเลยไม่ยอมพร้อมกับดิ้นรนขัดขืน พอน้องสาวตนมาขวางทำให้สารวัตรรายนี้โมโหและง้างมือขึ้นทำท่าจะตบหน้า ตนจึงบอกว่าที่ร้านมีกล้องวงจรปิด พ.ต.ท.นราวุธ เลยไม่กล้าทำอะไร ก่อนที่จะเปรยว่า ข้อหาไม่มีใบอนุญาตกับค้าประเวณีแค่นี้มีเงิน 2-3 หมื่นบาทมาเคลียร์ก็จบแล้ว

เรื่องมาถึงจุดหักเหสำคัญ เมื่อ 2 พี่น้องเผยว่าในตอนนั้น รู้สึกจนปัญญา จึงโทรศัพท์ไปปรึกษาญาติผู้ใหญ่ทางภาคใต้คนหนึ่งเพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากญาติรู้จักสนิทสนมกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.

พอวางสายได้ไม่นานทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้โทรศัพท์มาหา จึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง หลังจากนั้นทางท่าน ผบ.ตร.จึงขอพูดคุยกับ พ.ต.ท.นราวุธ หัวหน้าชุดจับกุม แต่ พ.ต.ท.นราวุธ ไม่ยอมคุยด้วย
“พ.ต.ท.นราวุธบอกว่า ดิฉันเป็นบ้าพูดอยู่คนเดียว ถ้าเป็น ผบ.ตร.จริง ให้โทรศัพท์ไปหา พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี” สาวเจ้าของคาราโอเกะเล่า

เมื่อหัวหน้าชุดจับกุมไม่ยอมรับสาย พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงบอกให้ตนเปิดโฟนเพื่อให้ได้ยินเสียง แต่นายตำรวจสังกัด บก.สส.ภ.2 คนนี้ ก็ยังไม่เชื่อว่าเป็น ผบ.ตร. ทั้งๆ ที่ได้ยินเสียงจากปลายสายเวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที มีสายโทรเข้ามาที่มือถือของตน พร้อมกับแนะนำตัวว่าชื่อ พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งได้รับคำสั่งให้มาดูแลเรื่องนี้ ขอให้เปิดโฟนพูดคุยกับหัวหน้าชุดจับกุม

แต่ทางสารวัตรรายนี้กลับบอกว่า“ไม่ใช่เสียงของนายกู” ทาง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี จึงวางสายไป ส่วนตำรวจที่ชื่อ”ดาบหมู”ได้ตะโกนขึ้นมาว่า เดี๋ยวบอกว่าเป็นผู้การ เดี๋ยวบอกว่าเป็น ผบ.ตร.โทรมา ถ้าเป็น ผบ.ตร.จริงจะเอาชื่อไปลงบันทึกประจำวันด้วยว่า ผบ.ตร. ช่วยเหลือผู้กระทำผิด และปลด ผบ.ตร.ออกจากราชการ

ากนั้นไม่นานก็มีคนโทรเข้ามือถือของ พ.ต.ท.นราวุธ พอเจ้าตัวรับสายและเดินออกไปพูดคุยอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะเดินย้อนกลับมา และบอกลูกน้องให้ปล่อยตัวพวกตน ก่อนรีบไปขึ้นรถปิกอัพ 4 ประตู ยี่ห้อเชฟโรเล็ต ไม่ทราบทะเบียน ขับออกไปอย่างรวดเร็ว คาดว่าเจ้าตัวน่าจะรู้แล้วว่าคนที่โทรมาหาตนนั้น คือ ผบ.ตร. และผู้การชลบุรีตัวจริง ตนเห็นว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว

ภายหลังผู้เสียหายเข้าแจ้งความในตอนเช้ามืดวันที่ 15 ก.ค. ต่อมา พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบช.ภ.2 ได้มีคำสั่งที่ 170/2559 สั่งย้าย พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1 บก.สส.ภ.2 กับลูกน้องในชุดจับกุม ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ภ.2 โดยขาดจากต้นสังกัดเดิม.

ส่วนคดีที่สองพี่น้องเข้าแจ้งความดำเนินคดี พ.ต.ต.พิทักษ์ เนินแสง สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ว่าตำรวจต้องรวบรวมหลักฐานแล้วส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. เพื่อทำการสอบสวน ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งไปยัง ป.ป.ช. แล้วทาง ป.ป.ช.จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมาย ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการมาให้ความเป็นทำทั้งสองฝ่าย

พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กล่าวถึงเหตุการณ์เดียวกันนี้ว่า ได้รับโทรศัพท์จากผู้ร้องทุกข์ ระบุว่าตำรวจมีพฤติกรรมไม่สุภาพ และปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสม จึงได้สั่งการให้ตำรวจพัทยา และ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพัทยาลงพื้นที่ไปตรวจสอบว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจภาค 2 แต่ช่วงที่เข้าไปตรวจสอบนั้นได้แยกย้ายกันไปหมดแล้ว ต่อมาได้มีการมาแจ้งความดำเนินคดี จึงได้เป็นข่าวออกมา

“ปกติผมจะนำรูปไปติดตามสถานที่ต่างๆ พร้อมเบอร์โทรศัพท์หากใครไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถร้องเรียนได้ ทำให้มีคนโทรศัพท์มาหาตลอดเวลา ส่วนใหญ่จะสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตรวจสอบ ในส่วนของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็เช่นกัน ก็ไม่ได้คุยด้วยส่วนตัว ที่สำคัญปกติจะไม่คุยกับผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว แต่จะคุยกับหัวหน้าที่สั่งการไป เพราะการทำงานจะต้องรายงานตามลำดับขั้นตอนมาอยู่แล้ว” พล.ต.ต.อำพลกล่าว

ผบก.ภ.ชลบุรีกล่าวด้วยว่าสำนักงานตำรวจภาค 2 มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.นราวุธ พร้อมชุดจับกุมไปปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการ ตำรวจภูธรภาค 2 หลังจากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนทางวินัย ส่วนคดีอาญาก็ว่าไปตามพยานหลักฐาน คงจะต้องผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม

ส่วนการตรวจตราร้านคาราโอเกะนั้น ตำรวจในพื้นที่ จังหวัดชลบุรี จะดำเนินการตลอด โดยเฉพาะค้าประเวณีเข้าข่ายการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรวมทั้ง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค .2 ให้ดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามตำรวจ จังหวัดชลบุรีได้มีการปล่อยแถวระดมการกวาดล้างป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมบ่อยครั้ง ขอยืนยันว่าเมืองพัทยายังน่าเที่ยวเหมือนเดิม

ความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้ทำบันทึกข้อความด่วนที่สุด เรื่องส่งตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจในปกครองมารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน ส่งไปยัง พล.ต.ต.เชษฐา โกมลวรรธณะ ผบก.สส.ภ.2 เพื่อให้ส่งตัวพ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1.บก.สส.ภ.2 กับ ร.ต.ท.จตุภูมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล รอง สว.กก.1.บก.สส.ภ.2 พร้อมพวกรวม 6 มาพบ พ.ต.อ.ออมสิน สุขการค้า รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ก่อนดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พร้อมกับส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช.พิจารณาเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย

ผู้สื่อข่าว รายงานด้วยว่าสำหรับพ.ต.ท.นราวุธ จากการสอบถามนายตำรวจซึ่งรู้จักและเคยร่วมงานกับสารวัตรนักสืบคนนี้ทราบว่า ปกติจะเป็นคนนิสัยดี เงียบขรึม แต่บางทีเวลาทำงานมักจะเป็นคนขึงขังจริงจังและอารมณ์ร้อนไปหน่อย

รายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือน ม.ค.2559 ที่ผ่านมา ร้านนางฟ้าคาราโอเกะแห่งนี้ืเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สส.2 จับกุมในข้อหาค้าประเวณีมาแล้ว หลังจากนำเด็กสาววัย 16 ปี มาค้าประเวณีในร้าน ซึ่งแหล่งข่าวจากตำรวจชุดจับกุมระบุว่า ในครั้งนั้น น.ส.ปะระนิสา ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสอบถามข้อมูลของคดีนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของร้าน ตำรวจจึงดำเนินคดีกับผู้ดูแลร้าน ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล

และจากการติดต่อล่าสุด พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต เปิดเผยผ่านโทรศัพท์ว่า เบื้องต้นไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะไม่อยากให้เกิดผลกระทบองค์กรตำรวจโดยรวม

พอเป็นข่าวน้องๆที่บ้านโทรศัพท์มาบอกว่า มารดาเห็นภาพข่าวลูกชายของตัวเองทางหน้าหนังสือพิมพ์ถึงกับเป็นลมล้มพับไปด้วยความตกใจ พอทราบว่าแม่เป็นลมคนเป็นลูกย่อมต้องรู้สึกเสียใจและไม่สบายใจอยู่แล้ว

ส่วนกรณี ผบ.ตร.โทรมานั้น เรื่องนี้ตนเองก็ไม่เคยได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับท่านสักที เลยไม่แน่ใจว่าเป็น ผบ.ตร.ตัวจริงหรือไม่ เพราะอาจจะมีคนอื่นโทรมาแอบอ้างก็ได้ ตนขอยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจลบหลู่ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชาของตัวเอง และต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ หลังได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.บช.ภ.2 ตนก็พร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดและพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเอง

เรื่องราวอันเป็นเสมือนคดีพิสดารนี้ จะยุติอย่างไร ต้องติดตามจากป.ป.ช.และต้นสังกัดกันต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image