แบบนี้เพิ่งเคยเจอ!!! ย้อนรอยสารพัด ‘เหตุป่วนๆ-เข้าใจผิด’ ก่อนวันลงประชามติ 7 สิงหาฯ

นับเป็นประเด็นร้อนเเรงที่สุดในช่วงนี้ สำหรับเหตุป่วนการลง “ประชามติ” ที่จะมีถึงในวันที่ 7 สิงหาคมนี้

หลายเหตุการณ์ ถือเป็นเรื่องเกินความคาดหมาย สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เเละเกิดการล้อเลียนจนขำกลิ้งกระหึ่มโซเชียล

ไล่เรียงตั้งเเต่เหตุการณ์บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิลงคะแนนประชามติ หน่วยที่ 5 ภายในโรงเรียนวชิรสารศึกษาบ้านเหนือ ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ถูกฉีกขาด กลายเป็นคดีใหญ่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ให้ความสนใจเป็นพิเศษ และได้กำชับให้สืบสวนคดีให้กระจ่างชัด

ก่อนปิดฉากเมื่อความจริงปรากฎว่า เป็นฝีมือเด็กหญิง 2 คน อายุเพียง 8 ขวบ ที่เล่นซุกซน เเละเห็นว่าสีชมพูสวยดีจึงฉีกเล่นจนทำให้บัญชีรายชื่อเสียหาย

Advertisement

เนื่องจากผู้กระทำความผิดยังเป็นเด็กที่ก่อเหตุโดยไม่มีเจตนาและอายุยังไม่ถึง 10 ขวบตามที่กฎหมายกำหนด พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีไปตามกฎหมายแม้จะมีความผิด แต่เด็กก็ไม่ต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนด

เเต่การดำเนินคดีกับเด็ก 8 ขวบทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ยิ่งต่อมามีคำสั่งจากตำรวจภูธรภาค 6 (ผบช.ภ.6) เด้ง ‘ผกก.สภ.ขาณุวรลักษบุรี’ เหตุไม่รายงานเรื่องเด็ก 8 ขวบฉีกบัญชีประชามติ ทำให้ ผบช.ภ.6 ทราบเหตุจากสื่อมวลชน ยิ่งทำให้ประเด็นนี้ถูกพูดถึงข้ามวันข้ามคืน

เหตุการณ์เด็กเล่นซนยังมีต่อเนื่อง อย่างเด็ก 7 ขวบฉีกบัญชีรายชื่อประชามติที่ จ.ลพบุรี รับสารภาพว่าไม่ได้ตั้งใจและไม่รู้ว่าเป็นบัญชีอะไร เห็นมันห้อยอยู่จึงดึงลงมาเพียงเท่านั้น ซึ่งตำรวจได้บันทึกข้อกล่าวหาก่อนปล่อยตัวกลับ

Advertisement

รวมถึงเยาวชน จ.สตูล ที่ถูกสอบสวนหนักหลังฉีกและเผาทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ

เเละเด็กวัย 16 ปี ที่ตำรวจตั้ง 2 ข้อหาหนัก-เอาผิดสูงสุด ตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 เเละเข้าข่ายความผิดมาตรา 188 และ 360 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยเจ้าตัวสารภาพว่า นำบัญชีรายชื่อมาเผาไล่ยุงขณะหลบฝน โดยไม่รู้ว่าเป็นเอกสารสำคัญของทางราชการ

อีกหนึ่งมือเผา ที่แอบฉกบัญชีรายชื่อออกจากศาลาอเนกประสงค์บ้านตาสด อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ก่อนพบเป็นซากไหม้บริเวณท่อระบายน้ำข้างศาลา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ประกาศจับกุมตัวคนร้ายที่ช็อกโซเชียลอีกครั้ง เพราะผู้กระทำความผิดคือนายสมพงษ์ (นามสมมุติ) (เป็นผู้ที่มีอาการคล้ายผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม) อายุ 38 ปี สารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุลงมือจุดไฟเผาบัญชีรายชื่อจริง ที่ทำไปเพราะเป็นอาการทางความคิดและพฤติกรรมส่วนตัว ที่ชอบจุดไฟเผากระดาษ กิ่งไม้ หรือเศษหญ้าอยู่เป็นประจำ

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้นำตัวส่งศาลเพื่อฝากขังในวันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2559 ส่วนการตัดสินจะเป็นเช่นไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล และหลักฐานทางการแพทย์ต่อไป

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างเสียงฮือฮาต่อเนื่อง ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ปั๊มน้ำมันใน จ.กาญจนบุรี

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวชายร่างท้วมมือฉกบัญชีรายชื่อลงประชามติ จากกระดานประกาศที่ศาลาประชาคมบ้านพุรางนิมิต ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เเละมีการสอบสวนนายสมชาย หรือหลิม สีสันต์ อายุ 41 ปี พร้อมของกลางบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ เบื้องต้นผู้กระทำผิดให้การสารภาพว่าเป็นผู้เอาไปจริง เเต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง

ส่วนสาเหตุมาจากเจ้าตัวกำลังจะได้ขึ้นตำเเหน่งเป็นผู้จัดการปั๊มน้ำมัน ต้องทำยอดลูกค้าประจำเพิ่ม จึงได้ไปนำบัญชีรายชื่อดังกล่าวมาเพื่อแจ้งให้บุคคลมาทำบัตรสมาชิกของปั๊มเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของการเมืองแต่อย่างใด สุดท้ายนายสมชายก็ถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาลักทรัพย์ต่อไป

ซนกว่า ‘เด็ก’ คงเป็นฝูงลิงนับร้อยจาก จ.พิจิตร ที่ยกพวกร่วมวงป่วนการลงประชามติ

เหตุการณ์ตื่นเต้น-วุ่นวายนี้เกิดขึ้นที่ศาลาการเปรียญวัดหาดมูลกระบือ อ.เมือง จ.พิจิตร หลังฝูงลิงแสมที่อาศัยอยู่บริเวณวัดหาดมูลกระบือเกือบ 100 ตัว ยกฝูงขึ้นไปฉีกกระดาษออกเสียงลงประชามติเล่นจนผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 มาพบและไล่ฝูงลิงออกไป แต่ฝูงลิงยังถือกระดาษที่ฉีกแล้วติดมือไปด้วยอีกหลายแผ่น

ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องล้อมจับฝูงลิงกันอลหม่าน ผู้ต้องหาบางตัวก็ยกบัญชีรายชื่อถือไปมาเหมือนเป็นการเยาะเย้ยตำรวจและคนที่ไล่จับ ว่าไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะลิงหนีไปอยู่บนต้นไม้ สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ผู้ต้องหาได้ทิ้งกระดาษบัญชีรายชื่อไว้และปีนไต่หลบหนีไป

ในส่วนของ กกต.จังหวัดและฝ่ายปกครองทราบเรื่องแล้ว เห็นเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ได้มีใครมาป่วนแต่อย่างใด พร้อมกล่าวติดตลกด้วยว่า “ไม่รู้ว่าปีนี้เป็นปีนักขัตฤกษ์ลิงหรือเปล่า หรือเพราะเอาแมสคอตหนุมานรูปลิงมา ลิงก็เลยสนใจในเรื่องการเลือกตั้ง”

เเต่ที่ฮอตที่สุดเวลานี้ คงหนีไม่พ้น ปรากฎการณ์ป้ายโฆษณากาแฟ ‘กาโน’ ลักษณะคล้ายธง จำนวน 47 อัน ปักเรียงบนถนนระยะทางกว่า 200 เมตร

ที่ทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่าจะเป็นการกระทำของผู้ไม่หวังดี ก่อกวนการออกเสียงประชามติจนมีการสั่งเก็บเรียบ

เเม้ท้ายที่สุดจะตรวจสอบเรียบร้อยเเล้วว่าเป็นป้ายโฆษณากาแฟยี่ห้อ ‘กาโน’ ของบริษัท กาโนเอ็กเซล เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายกาแฟสมุนไพรเห็ดหลินจือ ที่กำลังประชาสัมพันธ์การประชุมสัมมนาในบริเวณดังกล่าว และมีการติดธงเพื่อให้ตัวแทนและผู้ที่สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทราบว่าสถานที่จัดประชุมอยู่บริเวณนี้ ไม่เกี่ยวกับการปลุกระดมหรือชี้นำประชาชนไม่ให้รับร่างรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

เเต่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้หยุดกิจกรรมการประชาสัมพันธ์กาแฟยี่ห้อนี้ชั่วคราว เนื่องจากเป็นการล่อแหลมและหมิ่นเหม่ในช่วงลงประชามติ

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับการลงคะเเนนประชามติ

เมื่อเจ้าของกิจการขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในกรุงเทพฯ พร้อมเพื่อนได้นำรถเก๋งสีขาวและสีบรอนซ์เทา ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเฟียสต้า รอบคันรถติดป้ายข้อความเขียนด้วยลายมือ ระบุปัญหาในการขับขี่รถยนต์ ซึ่งเกิดจากชิ้นส่วนไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐานการออกแบบ ซ่อมกี่ครั้งก็ไม่หายขาด ขอให้บริษัทต้นสังกัดนำรถกลับไป โดยได้ขับขี่รถวนรอบเเละนำมาจอดริมถนนหน้าลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือย่าโม เขตเทศบาลนคร นครราชสีมา

เเต่ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารมาสังเกตการณ์และคอยรายงานความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่าจะเป็นการป่วนประชามติ นอกจากนี้ยังมีรถหุ้มเกราะแล่นลาดตระเวนรอบพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ป้องกันเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยก่อนวันออกเสียงประชามติด้วย

เป็นเหตุการณ์ตลกร้าย ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันลงประชามติ 7 สิงหาฯ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image