นักวิจัยพบปรสิตบนไม้เช็ดก้น 2,000 ปี ชี้เหตุ’พยาธิใบไม้ในตับ’ แพร่จากตอ.สู่ตต.ผ่านเส้นทางสายไหม

ไม้เช็ดก้นโบราณที่นักวิจัยจากเคมบริดจ์พบว่ามีไข่ปรสิตสี่ชนิด (AFP PHOTO / UNIVERSITY OF CAMBRIDGE)

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เฟซบุ๊กนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ในเครือมติชน เปิดเผยข้อมูลจาก นสพ.เดอะ การ์เดียน ซึ่งเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับการงานวิจัยของม.เคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งพบไข่ปรสิตของพยาธิ 4 ชนิด บนไม้เช็ดก้นโบราณอายุ 2,000 ปีอันอาจเป็นการเผยปริศนาเรื่องการแพร่เชื้อโรคจากตะวันออกไปยังตะวันตกผ่านเส้นทางสายไหม เนื่องจากไม้เช็ดก้นดังกล่าวถูกพบที่ “เฉียนเฉียนจื้อ” (Xuanquanzhi) จุดพักทางขนาดใหญ่บนเส้นทางดังกล่าว บริเวณเมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ ประเทศจีน โดยเป็นโบราณสถานที่คาดว่าอยู่ในยุคของราชวงศ์ฮั่น ราว พ.ศ. 432-652

แหล่งโบราณคดีเฉียนเฉียนจื้อถูกขุดสำรวจมาตั้งแต่ 20 ปีก่อน เคยพบเอกสารโบราณหลายชิ้น แต่ ฮุยหยวน เยห์ (Hui-Yuan Yeh) นักวิจัยจากเคมบริดจ์ในสหราชอาณาจักร เลือกที่จะให้ความสนใจกับ “ไม้เช็ดก้น” ที่ถูกทิ้งในส้วมโบราณแห่งนี้
ฮุยหยวนได้รับอนุญาตให้นำตัวอย่างบางส่วนไปตรวจสอบ เขาจึงนำไปให้เพียส์ มิตเชล (Piers Mitchell) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคยุคโบราณของเคมบริดจ์ตรวจสอบ โดยทั้งสองเพิ่งเผยแพร่งานวิจัยของพวกเขาในรายงานวารสารโบราณคดีศาสตร์ (Journal of Archaeology Science: Reports)

งานวิจัยของทั้งคู่ระบุว่า ในไม้เช็ดก้นเหล่านี้พบไข่ของปรสิตทั้งพยาธิตัวกลม พยาธิตัวแบน พยาธิแส้ม้า และพยาธิใบไม้ในตับสายพันธุ์จีน ซึ่งพื้นที่แพร่กระจายของปรสิตเหล่านี้ที่ใกล้กับเฉียนเฉียนจื้อมากที่สุดมีระยะทางห่างออกไปถึง 1,500 กิโลเมตร
“ตอนแรกที่เราเจอไข่พยาธิใบไม้ในตับสายพันธุ์จีน เรารู้เลยว่าได้เจอกับการค้นพบครั้งสำคัญเข้าแล้ว” ฮุยหยวนกล่าว “งานวิจัยของเราถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้หลักฐานทางโบราณคดีจากโบราณสถานบนเส้นทางสายไหมเพื่อแสดงให้เห็นว่า นักเดินทางได้พาโรคระบาดไปกับพวกเขาบนเส้นทางที่มีระยะกว้างไกลมาก”

ภาพเขียนผนังถ้ำบอกเล่าการเดินทางของจาง เชียน (Zhang Qian) ทูตจีนในจักรพรรดิฮั่นอู่ ซึ่งออกไปเจริญสัมพันธไมตรีกับดินแดนนอกจักรวรรดิในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล (ภาพจากถ้ำหมายเลข 323 ในกลุ่มถ้ำแห่งโมเกา, Public Domain)
ภาพเขียนผนังถ้ำบอกเล่าการเดินทางของจาง เชียน (Zhang Qian) ทูตจีนในจักรพรรดิฮั่นอู่ ซึ่งออกไปเจริญสัมพันธไมตรีกับดินแดนนอกจักรวรรดิในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล (ภาพจากถ้ำหมายเลข 323 ในกลุ่มถ้ำแห่งโมเกา, Public Domain)

มิตเชลกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการสันนิษฐานว่า พ่อค้า ทหารและเจ้าหน้าที่ทูต ซึ่งเดินทางบนเส้นทางสายไหมเข้าไปยังตะวันออกกลาง และเมดิเตอร์เรเนียนได้พาโรคระบาดติดตัวไปด้วย แต่ก็ยังไม่เคยมีหลักฐานยืนยันหนักแน่น การแพร่กระจายของโรคจากตะวันออกไปยังตะวันตกทั้งกาฬโรค และโรคเรื้อนจึง อาจมาจากอินเดีย มองโกเลีย หรือรัสเซียก็เป็นได้
“นี่เป็นครั้งแรกที่เรารู้ว่าพยาธิใบไม้ในตับมาพร้อมกับเส้นทางสายไหม ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถกล่าวได้ว่า โรคอื่นๆ ก็อาจแพร่กระจายผ่านเส้นทางเดียวกัน มันเยี่ยมเสมอที่ข้ออ้างมีข้อพิสูจน์” มิตเชลกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image