มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 26 ก.ค.2559
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมลงนามกับ ตลท. และ สวทช. จัดตั้ง กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน วงเงินรวม 2,300 ล้านบาท ในรูปแบบกองทุนรวมลงทุนในกิจการ โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในบริษัทเป้าหมาย บริษัทละ 20 ถึง 150 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มลงทุนได้ในไตรมาสที่ 3 นี้
โดยกองทรัสต์ดังกล่าว จะร่วมลงทุนในธุรกิจ 3 ประเภทคือ เอสเอ็มอีระยะเริ่มต้น หรือ สตาร์ทอัพ , เอสเอ็มทีที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐานการผลิตหรือบริการหรือด้านนวัตกรรม และเอสเอ็มอีที่มีประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่เป็นซัพพลายเออร์ของธุรกิจขนาดใหญ่
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คุณสมบัติของผู้ประกอบการเป้าหมายในเบื้องต้นนั้น จะต้องเป็นกิจการที่มีศักยภาพสูง สิ่งที่คิดค้นมีความเป็นไปได้ในธุรกิจ ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นฐานการผลิตหรือบริการ และมีผลประกอบการย้อนหลังอย่างน้อย 2 ถึง 3 ปี ไม่จำเป็นต้องมีกำไรในช่วง 2-3 ปีแรก แต่ทางผู้จัดการกองทรัสต์จะเข้าไปดูว่า สาเหตุที่บริษัทยังไม่สามารถเติบโตก้าวกระโดดได้ เป็นเพราะขาดแคลนเงินทุนใช่หรือไม่
นอกจากนี้ บริษัทจะพิจารณาถึงทีมบริหาร กลยุทธ์การตลาด การต่อยอดในเชิงพาณิชย์ อาจจะใช้เวลาพิจารณาระยะหนึ่งเพราะต้องเข้าเยี่ยมชมกิจการก่อน ทั้งนี้ ระยะเวลาการเข้าลงทุนคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ถึง 7 ปี โดยเจ้าของกิจการสามารถซื้อหุ้นคืนได้ หรือนำเข้าไปขายต่อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ
นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการสวทช. กล่าวว่า เป้าหมายของ สวทช. มุ่งเน้นที่จะใช้เทคโนโลยีฐานในการผลิตและบริการ นอกจากนี้ สวทช.ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่พร้อมให้คำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจและนำเทคโนโลยีไปใช้อีกด้วย นอกเหนือจากการร่วมลงทุน สวทช.ยังมีมาตรการอื่น ๆ สนับสนุนผู้ประกอบการในด้านเทคโนโลยี เช่น การรับรองโครงการวิจัยและพัฒนา การรับรองธุรกิจและเทคโนโลยีเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้ เป็นต้น
