‘หมอยง’ชี้ อย่าหอมแก้มลูกใคร-อย่าให้คนไม่รู้จักหอมแก้มลูก-หลาน ป้องกัน ไวรัส RSV

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดกรณีโลกโซเชียลต่างตื่นตัว แห่แชร์เรื่องราวเตือนผู้ปกครองที่ลูกยังเป็นเด็กเล็ก หลังเพจเฟชบุ๊ก เภสัชจิก โพสต์เล่าเรื่องราวของตัวเองที่มีลูกเล็กอายุ 5 เดือน ติดเชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) หรือเชื้อไวรัสที่ทำให้ระบบทางเดินหายใจอักเสบ โดยติดจากการถูกคนไม่รู้จักหอมแก้ม จนเกิดกระแสหวาดกลัวนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan

“ถึงกรณีนี้ ว่า RSV ดังที่เป็นข่าว ในสื่อสังคมออนไลน์ ว่า ติดต่อง่าย หอมแก้มโดยคนแปลกหน้าก็ติดแล้ว จึงขอทำความเข้าใจใน 2 เรื่องคือ 1. RSV ไม่ใช่โรคใหม่ พบมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2498 เกือบ 60 ปี แล้ว โรคนี้พบได้บ่อย ในเด็กต่ำกว่า 5 ปี ผู้ใหญ่ส่วนมากมีภูมิ แข็งแรง แต่ก็จะมีการติดเชื้อได้ (น้อยมาก) ยกเว้นผู้สูงอายุ หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง”ศ.นพ.ยง ระบุ

การติดต่อของ RSV เหมือน ไข้หวัดใหญ่ เป็นการสัมผัส ฝอยละออง (droplets infection) ไม่ใช่ติดต่อทางอากาศ (airborne) การติดต่อจากผู้หนึ่งไปอีกผู้หนึ่ง มีอำนาจการแพร่กระจายโรค เท่าไข้หวัดใหญ่ จากผู้ป่วยไปยัง อีกผู้หนึ่งได้ 1-2 คน (ผู้ป่วย 1 คนกระจายโรคไปได้มากไม่เกิน 2 คน) ไม่เหมือนโรคหัด คอตีบ ติดง่ายมาก คนหนึ่งแพร่ได้ 7-12 คน การป้องกันจึงเป็นการล้างมือ หลีกเลี่ยงการสัมผัส ดังนั้นการหอมแก้ม ถ้าเด็กต่อเด็กที่ป่วย โอกาสติดโรคเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ถ้าผู้ไม่เป็นโรค เช่น ผู้ใหญ่ที่แข็งแรง (โอกาสติดเชื้อ มีอยู่น้อยมาก ๆ และ โอกาสติดโรคยิ่งน้อยมาก) การติดเชื้อ อาจเกิดจากผู้เลี้ยงดู ไปสัมผัสโรคที่ใดก็ได้ แล้วไม่ได้ล้างมือ จับต้องเด็ก สัมผัสโดน ปาก จมูก ก็จะทำให้ติดได้ อย่าโทษ การหอมแก้มอย่างเดียว

Advertisement

“โดยมารยาท และทั่วไปแล้ว ถ้าคนไม่รู้จัก ก็ไม่ควร ให้ หรืออย่าไปหอมแก้ม ลูกใครเลย แม่หนูสอนว่า อย่าให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวหนู สำหรับผม ผมหอมแก้ม (ซาลาเปา) “ภิรมณ” (หลาน)ทุกวันเลย และตรวจคนไข้ เป็น RSV เยอะแยะเลย จะล้างมือ ทำความสะอาดอย่างเคร่งครัด ก่อนอุ้ม “ภิรมณ” ไม่เห็น ภิรมณ จะติด RSV เลย ดังนั้น RSV เป็นโรคพบบ่อยมาก ๆ ทุกคนเคยเป็น เป็นแล้ว ก็เป็นอีกได้ แบบไข้หวัดใหญ่ อย่าทำให้น่ากลัวเลย ปฏิบัติตนอย่าง ถูกต้อง มีความรู้ อยู่แบบมีความสุข (HAPPY) ดีกว่า” ศ.นพ.ยง สรุปในที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image