ก.ล.ต.สั่งปรับผู้บริหารผู้ถือหุ้นใหญ่ทิพยประกันภัยอินไซด์หุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบผู้กระทำผิด 4 ราย ได้แก่ 1.นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชน) 3.นายนที พานิชชีวะ และ 4. นายกีรติ พานิชชีวะ หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ทิพยประกันภัย กรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้น บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นค่าปรับรวม 8,618,831.25 บาท เนื่องจาก ใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น ทิพยประกันภัย

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม 2555 ถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2555 ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัททิพยประกันภัย อาศัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชนเกี่ยวกับกรณีที่บริษัท มีเหตุจำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 250 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่มีแนวโน้มจะลดลงต่ำกว่าสัดส่วนที่กฎหมายประกันภัยกำหนด โดยขายหุ้นเพื่อหลีกเลี่ยงผลขาดทุนจากการลดลงของราคาหุ้น หลังบริษัทเปิดเผยข้อมูลนี้ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2555 เวลา 20.54 น.

อย่างไรก็ตาม นายสมพรได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในเนื่องจากเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ทิพยประกันภัยได้ขายหุ้นบริษัทในวันที่ 28 สิงหาคม 2555 และวันที่ 2 ตุลาคม 2555 รวมจำนวน 70,000 หุ้น ขณะที่นายนที พานิชชีวะ ล่วงรู้ข้อมูลภายในเนื่องจากเป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ทิพยประกันภัยขณะเกิดเหตุถือหุ้น 5.49% ซึ่งนายนทีได้สั่งให้มีการขายหุ้นในบัญชี บริษัท ไทยศรีประกันภัย ระหว่างวันที่ 13-28 กันยายน 2555 และระหว่างวันที่ 17-25 ตุลาคม 2555 รวมจำนวน 1,561,600 หุ้น

ส่วนนายกีรติ ได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในข้างต้น เนื่องจากเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายหนึ่งของบริษัท ทิพยประกันภัย โดยนายกีรติได้ขายหุ้นในบัญชีส่วนตัว ระหว่างวันที่ 3-26 ตุลาคม 2555 รวมจำนวน 576,000 หุ้น ซึ่งการกระทำของนายสมพร บริษัท ไทยศรีประกันภัย นายนที และนายกีรติ เป็นความผิดตามมาตรา 241ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ราย ยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบทางอาญา คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงได้เปรียบเทียบ 1. นายสมพร เป็นเงิน 612,500 บาท 2.บริษัท ไทยศรีประกันภัย เป็นเงิน 703,487.50 บาท 3.นายนที เป็นเงิน 500,000 บาท และ 4.นายกีรติ เป็นเงิน 6,802,843.75 บาท รวมเป็นค่าปรับทั้งสิ้น 8,618,831.25 บาท

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังได้สั่งเปรียบเทียบปรับนายสาคร สุขศรีวงศ์ กรณีชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท เนื่องจากนายสาคร สุขศรีวงศ์ ชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ล่วงรู้เกี่ยวกับกรณีที่ OSK Investment Bank Berhad (OSKIB) ประเทศมาเลเซีย สนใจจะซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จากบริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน) ในราคาสูงกว่าราคาตลาด ข้อเท็จจริงข้างต้นเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท เนื่องจาก บริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 48.85% และจะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท โดย OSKIB จะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้น บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท ในส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นการทั่วไปซึ่งในกรณีนี้จะสูงกว่าราคาตลาด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image