‘หมอเปรม’ โร่ฟ้องบิ๊กตู่ ใช้ม.44 ปฏิรูปสื่อ อ้างถูกบุกห้อง-คุกคาม ยอมรับในรูปตัวจริง

“หมอเปรม” วิ่งโร่หา “บิ๊กตู่” ใช้ม.44 ปฏิรูป อ้างถูกละเมิดบุกเข้าห้องทำงานนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ เจ้าตัวยันเป็นชายในภาพคู่สาวม.5 ไม่ใช่คนหน้าเหมือน ไม่ขอพูดเรื่องส่วนตัว ท้าให้ยื่นปลดทุกตำแหน่ง ระบุคนไปยื่นเป็นฝ่ายการเมืองตรงข้าม หวังชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีสมัยหน้า

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 กรกฎาคม ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทำเนียบรัฐบาล นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการปฏิรูปสื่อ โดยแนบเอกสารที่ได้ยื่นต่อประธานคณะกรรมการ กสทช.ที่ขอให้เพิกเฉยใบอนุญาตหรือปิดสื่อที่กระทำผิดกฎหมายตามมาตรา 44 กรณีสื่อเสนอข่าวที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อีกทั้งบุกรุกเข้ามายังห้องทำงานนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่และกดดันบีบคั้นตนเพื่อกระทำการนำเสนอข่าว ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ เสรีภาพส่วนบุคคล

นพ.เปรมศักดิ์ ระบุว่า ตนขอวิงวอนให้นายกฯใช้อำนาจมาตรา 44 นำสู่กระบวนการปฏิรูปสื่อเพื่อยกระดับสื่อให้มีมาตรฐาน มีความรับผิดชอบและตรวจสอบได้เช่นเดียวกับวิชาชีพอื่น โดยที่ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ของสื่อ และเพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ เพราะวิชาชีพสื่อนั้นต้องจบการศึกษา ฝึกอบรมด้านวิชาชีพมีมารยาทมีจรรยาบรรณที่เกี่ยวกับสื่อโดยตรง และต้องได้รับการขึ้นทะเบียนอนุญาตอย่างชัดเจนกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานที่เป็นกลาง เชื่อถือได้ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการวิชาชีพอื่น, ขอให้ปฏิรูปบทบาทหน้าที่ จรรยาบรรณของสื่อให้มีมาตรฐานที่สากลพึงปฏิบัติ, ขอให้ปฏิรูปด้านการตรวจสอบและความรับผิดชอบของสื่อให้ชัดเจน เพราะที่ผ่านมาสื่อมักอ้างว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าแทบจะไม่มีการลงโทษกันในองค์กรวิชาชีพนี้ หากมีการกระทำผิดมาตรฐานวิชาชีพ อย่างไรก็ตามควรต้องหน่วยงานที่เป็นกลาง น่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบได้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตทั้งรายบุคคลและองค์กรสื่อ หากมีความผิดเกิดขึ้น, ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าที่จะปฏิรูปสื่อ จึงทำให้เกิดปัญหาอภิสิทธิ์ชนขยายตัว ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมตามสมควร ตนจึงหวังพึ่งบารมีของนายกฯที่จะใช้ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของผู้นำในการสร้างประวัติศาสตร์ปฏิรูปสื่อเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชน

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ตนยินดีที่จะถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการที่ผู้ว่าราชการจ.ขอนแก่นตั้งขึ้นตามระบบ แต่ตนไม่ยอมรับการตรวจสอบข้างถนน เพราะเห็นว่าไม่ถูกต้องการที่สื่อบุกรุกเข้าห้องทำงานของตนนั้น ใครๆ ก็เห็น เจ้าหน้าที่ในสำนักงานก็เห็นการหลายคน มีพยานบุคคลที่เป็นทีมงานนายกเทศมนตรีทั้งนั้น ซึ่งหลายๆ คนเห็นแล้วก็รู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสื่อกลุ่มนั้นกรูเข้ามาในห้องทำงานโดยที่ไม่ได้นัดหมาย ทั้งๆ ที่ควรจะมีการนัดหมายกันก่อน แต่ไม่มีการนัดก่อน เป็นการกรูเข้ามาแล้วกดดันให้ตนให้ข่าว ซึ่งตนได้เรียนไปว่าถ้าพวกท่านเป็นตนแล้วเห็นใจกันบ้างหรือไม่ เพราะตนต้องทำงานเพื่อประชาชน วันๆ หนึ่งก็หลายงาน ไม่ใช่เห็นว่าตนเป็นเหยื่ออยากได้อะไรก็จะเอา อย่างนั้นมันใช่มนุษย์ด้วยกันหรือไม่ ซึ่งตนก็ขอร้องกันเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรมาก เพียงแค่ขอให้เคารพกติกา ความเป็นมนุษย์ด้วยกัน อย่างไรก็ตามสื่อที่ดีตนก็ไม่ว่าอะไร แต่ก็ต้องให้เกียรติแหล่งข่าวด้วย เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ข่าวก็อย่ามาบีบคั้นกันจนเกินพอดี จะเขาใจเรา ทุกคนก็ต้องต้องการความเคารพซึ่งกันและกัน การยื่นหนังสือถึงนายกฯในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัว แต่ต้องการให้นายกฯเป็นผู้นำในการปฏิรูปสื่อ ซึ่งนายกฯจะพิจารณาอย่างไรก็แล้วแต่ เพียงเห็นว่าสิ่งที่ดีๆ น่าจะเกิดขึ้นในยุคนี้ได้

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วทำไมจึงมีข่าวออกมาว่าบังคับสื่อให้ถอดกางเกง นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า เป็นการให้ข่าวฝ่ายเดียวหรือไม่ ตนไม่เคยให้ข่าว และเมื่อเห็นข่าวแล้วก็รู้สึกว่าทำไมพี่ๆ สื่อเล่นกันแรงเหลือเกิน

เมื่อถามว่ายืนยันใช่หรือไม่ว่าไม่ได้บังคับให้สื่อที่อยู่ในห้องทำงานถอดกางเกงใช่หรือไม่ นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า “โอ๊ย ว่ากันเรื่อยเปื่อย เฮ้ยน้อง ผู้ชายอายุ 64 ปีมีอะไรน่าดู ไม่ได้แก้เผ็ด เพราะผมไม่ได้เผ็ด วันนั้นผมไม่ได้กินส้มตำ ไม่ได้เผ็ดเลย ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น ผมมีมารยาทเพียงพอ และผมเป็นผู้ถูกกระทำ ไม่เคยนัดหมาย ไม่เคยเชิญให้เขาไปพบที่ห้องทำงาน งานผมแน่นทั้งวัน ไม่มีเชิญ ไม่มีล็อกห้องและขอเรียนว่าห้องนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่คนขายลอตเตอรี่ก็เข้าไป ขอทานก็เข้าได้ไม่เคยปิดกั้นใคร เพราะเป็นห้องสาธารณะไม่ใช่เขตหวงห้ามแต่ก็ต้องประสานงานกันก่อนได้หรือไม่ และที่ห้องทำงานนั้นก็ไม่มีวงจรปิดเพราะผมไม่เคยระแวงใคร และนิสัยผมก็เป็นคนง่ายๆ”

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ถูกปลดออกจากกรรมการโรงเรียนบ้านไผ่ นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ตามสบาย อยากทำอะไรกับตนก็ทำไป จะปลดออกจากศิษย์เก่าอนุบาลโรงเรียนไหนก็ทำไป เชิญได้เลย หรือจะปลดออกจากศิษย์เก่าที่เคยบวชกับพระพยอมก็เชิญ ไม่จะเลอะเทอะไปหน่อยหรือไม่ ใครอยากตรวจสอบก็ตรวจสอบเลย จะผู้ว่าฯหรือจะใคร

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตจะกลับมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อีกหรือไม่ นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า ไม่เอาแล้ว เพราะตนอยู่กับประชาชนที่บ้านสนุกดีอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าระหว่างที่ถูกตั้งกรรมการสอบ จะยังคงปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีต่อไปใช่หรือไม่เพราะข้าราชการบางคนจะถูกพักงานระหว่างถูกสอบสวน นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร ขอให้สื่อไปดูกฎหมายบ้างว่าเขาให้ทำอย่างไร ขณะนี้ในทางกฎหมายยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และขอย้ำว่าอย่าคิดเอาเองกำหนดเอาเอง แล้วชี้นำให้บ้านเมืองเป็นไปอย่างที่ใจอยากได้ ตนอยากให้สื่อมาสนใจเรื่องส่วนรวมมากกว่านี้

เมื่อถามว่า ในเมื่อนพ.เปรมศักดิ์ เป็นคนสาธารณะ ย่อมถูกจับตามองและถูกตรวจได้ นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า “ผมก็อยากให้สื่อสนใจเรื่องสาธารณะทั้งขุดบ่อ ลอกคลอง เรื่องปลอดขยะ เรื่องชุมชน เรื่องบ้านเมืองไปถึงไหนอย่างไร ทำไมไม่สนใจบ้าง ตรงนี้ผมก็แปลกใจมากว่าในเมื่อเป็นคนสาธารณะแล้วทำไมมาสนใจแต่เรื่องส่วนตัวของเขา ทำไม่ไม่สนใจเรื่องงานของเขา แต่นี่ไปเอารูปนั้นรูปนี้ขึ้นมาสำรวจตรวจสอบ อย่างกับเป็นเรื่องความเป็นความตายของบ้านเมือง ผมขอถามในฐานะความเป็นมนุษย์ด้วยกันว่ามันใช่หรือไม่ และผมของย้ำว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดอะไร คนที่พูดและพยายามทำนี้อย่าคิดว่าทำเหมือนตัวเอง เพราะผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่าไปคิดเองเออเอง อย่าเอาบรรทัดฐานตัวเองเป็นหลักแล้วการที่ไปยื่นหนังสือปลดจากประธานกรรมการโรงเรียนก็ดูคนที่ไปยื่นเป็นนักการเมืองในพื้นที่แล้วจะลงสมัครนายกเทศมนตรีแข่งกับผมในคราวหน้า ซึ่งเขาประกาศตัวชัดเจนก็ต้องถามว่านี่มันใช่การตรวจสอบหรือไม่”

เมื่อถามว่า แสดงว่ามองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองใช่หรือไม่ นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ แต่ตนเป็นนักสู้ ตนไม่รังเกียจ

“สื่อไม่ควรละเมิดเรื่องส่วนตัวของแหล่งข่าวที่เขาไม่อยากจะเปิดเผย ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตามเพราะผมเป็นบุคคลสาธารณะก็อยากจะทำเรื่องสาธารณะมากกว่า ส่วนภาพต้นเรื่องที่เป็นข่าวนั้นผมไม่ขอพูดถึงเพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่ใครๆ ก็มีเรื่องส่วนตัวทั้งนั้น ส่วนจะมีการฟ้องกลับสื่อที่นำภาพนั้นไปลงหรือไม่คงต้องดูข้อกฎหมายเพราะในความเป็นจริงสื่อกับผมก็พี่น้องกันทั้งนั้น น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า พึ่งพาอาศัยกัน ผมเองก็ไม่ใช่คนโหดร้าย มีแต่ทำงานให้ชาวบ้าน ไม่ใช่นักการเมืองที่เลวร้ายหรือทำความเสียหายให้กับประชาชน ทำงานให้สาธารณะ ทำงานที่เป็นประโยชน์ได้รับรางวัลมากมาย ไม่ใช่ว่าพอมีอะไรก็ไม่ถามถ่ายไปเลย” นพ.เปรมศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่า ในรูปภาพเสื้อสีชมพูนั้นยืนยันว่าเป็นตัวเองใช่หรือไม่ ไม่ใช่คนหน้าเหมือนใช่ไหม นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า “ใช่ครับๆ ผมเองครับ ผมเองครับ ผมแน่นอน ไม่มีปัญหา แต่เรื่องส่วนตัวผมไม่พูด

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคณะกรรมการที่ทางผู้ว่าฯตั้งขึ้นมาสอบสวนนั้น จะมีมติอย่างไรก็ยอมรับใช่หรือไม่ นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า รายละเอียดต่างๆ ตนจะพูดอีกครั้งในเฟซบุ๊กไลฟ์ในเฟซบุ๊ก “ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ”เวลา 16.30 น.วันเดียวกันนี้ และตนเองเป็นคนที่เคารพกติกา กติกาว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น ไม่ว่าคณะกรรมการจะมีมติอย่างไร ตนก็ยอมรับทั้งหมด แต่จะไม่ยอมรับมติข้างถนน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image