‘หมอเปรม’ ไลฟ์สด ปฏิเสธถูกปลด-แก้ผ้ากักขังสื่อ เผยเดินหน้าเรียกร้องปฏิรูปสื่อ ยืนยันไม่พูดเรื่องส่วนตัว

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 29 กรกฎาคม นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีต ส.ส.ขอนแก่น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชี้เเจงประเด็น 3 เรื่อง คือ 1.การเดินทางไปยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการ กสทช.เพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมายมาตรา 44 ลงโทษปิดสื่อ และเพิกถอนใบอนุญาตสื่อที่บังอาจกระทำผิดกฎหมาย 2.การเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อหวังพึ่งบารมีให้เป็นผู้นำการปฏิรูปสื่อ เพื่อความสุขสงบเจริญก้าวหน้าของชาติ 3.เปิดเผยขบวนการชักใยอยู่เบื้องหลังการทำลายชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของผมที่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น

ทั้งนี้ นพ.เปรมศักดิ์ได้ระบุหัวเรื่องว่า “ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ เดินหน้าปฏิรูปสื่อ” ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เริ่มกล่าวกรณีถูกปลดจากประธานคณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนบ้านไผ่ ข.ก.5 เพราะได้สอบถามนายวทัญญู ภูชาดา ผอ.โรงเรียนแล้ว ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มีอดีตพนักงานของเทศบาลเมืองบ้านไผ่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่าถูกตนสั่งเลิกจ้างนั้นไม่ใช่ข้อเท็จจริง

นพ.เปรมศักดิ์กล่าวต่อว่า จะไม่พูดเรื่องส่วนตัว แต่จะพูดเรื่องแนวคิดหลักของการปฏิรูปสื่อ ปัจจุบันมีทั้งสื่อที่ดีอยู่มาก และสื่อที่ไม่ดีมีอยู่ไม่น้อย ที่ผ่านมามีการระบุถึงการปฏิรูปประเทศไทย 11 ด้านในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงอยากให้เสนอการปฏิรูปสื่อรวมเข้าไปด้วยเป็น 12 ด้าน

นพ.เปรมศักดิ์กล่าวอีกว่า วันนี้ได้ทำกิจกรรมมุ่งเน้นปฏิรูปสื่อ เริ่มจากการไปยื่นหนังสือถึง กสทช. เรียกร้องให้ กสทช.สอบสวนกรณีการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน 5 สำนัก ทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 37 บุกรุกเข้าห้องทำงาน กดดันบีบคั้นให้ตนได้รับความกดดันที่จะขอให้สัมภาษณ์ข่าว เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล เรื่องอ้างที่ว่ามีการให้ผู้สื่อข่าวแก้ผ้านั้นไม่มีการกระทำเกิดขึ้น เป็นการใส่ร้ายป้ายสีให้ได้รับความเกลียดชัง ทั้งที่วันนั้นได้นัดหมายออกไปพบปะประชาชน 3-4 จุด กลับถูกคณะผู้สื่อข่าวมากดดันให้พูดคุยกรณีข่าว ทั้งที่อธิบายไปแล้วว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ต้องนั่งในห้องทำงานถึง 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นในห้องที่พูดคุยกันมีนักข่าวเนชั่นและมติชน-ข่าวสดขอตัวออกมา การไปบอกว่าตนกักขังหน่วงเหนี่ยวนั้นไม่จริง

Advertisement

นพ.เปรมศักดิ์กล่าวด้วยว่า อยากให้ประธาน กสทช.ปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้า คสช. เรื่องการกำกับดูแลข่าวสารตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 41 ให้อำนาจ กสทช. ควบคุมดูแลสื่อมวลชน มีอำนาจสั่งด้วยวาจาหรือสอบสวนโดยพลัน เมื่อสอบสวนแล้ว หากเกิดจากการละเลยของผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการสื่อ ขอให้ กสทช.ดำเนินการตามที่สมควร หรือเพิกถอนใบอนุญาตทั้ง 5 แห่งตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

นพ.เปรมศักดิ์กล่าวด้วยว่า จากนั้นได้ไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้นายกฯ ใช้อำนาจตาม ม.44 เพื่อปฏิรูปสื่อเพิ่มเข้าไป โดยตนได้เสนอ 4 แนวในการปฏิรูปคือ 1.ปฏิรูปคุณสมบัติผู้สื่อข่าว 2.ปฏิรูปบทบาทหน้าที่จรรยาบรรณ 3.ปฏิรูปตรวจสอบสื่อและภาระความรับผิดชอบอย่างชัดเจน และ 4.ความเป็นอภิสิทธิ์ชนของสื่อในสังคม เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์จะดำเนินการปฏิรูปสื่อได้แน่

ตอนท้าย นพ.เปรมศักดิ์อ้างถึงความเคลื่อนไหวทางการเมือง มีคู่แข่งที่ออกมาวิจารณ์เรื่องส่วนตัวเพราะกำลังจะลงแข่งขันชิงนายกเทศมนตรี เมืองบ้านไผ่ในสมัยหน้าที่ตนเหลือวาระ 1 ปี 5 เดือน และยังมีนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช อดีต ส.ว.ขอนแก่น ออกมาวิจารณ์ อย่าลืมว่านางระเบียบรัตน์เป็นแม่ของนายปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และมีสามีคือนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช มองว่าหากการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 สิงหาคมนี้ผ่านขึ้นมา ก็จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ทั้งที่ตนไม่คิดจะลงชิงสมัคร ส.ส.อีกแล้ว นี่เป็นกระบวนการหรือเปล่า ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของจังหวัดขอนแก่น ใช้เวลาทั้งหมด 15 วัน ก็พร้อมให้ตรวจสอบอย่างเต็มที่

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image