บิ๊กร.ร.ดังหนุนเกณฑ์ใหม่เฟ้นผอ. แต่ห่วง’อบรม’สร้างปัญหา’แก่งแย่ง’ ค้านครูด้อยประสบการณ์ชิงเก้าอี้

นายกล้าศักดิ์ จิตต์สงวน ผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้อำนวยการสถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยหลักเกณฑ์ใหม่จะต้องให้ได้มาซึ่งผู้ที่มีความเหมาะสมทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และประสบการณ์ ผ่านการเป็นครูและผู้บริหารการศึกษามาไม่น้อยกว่า 8-10 ปี ผู้ที่สอบข้อเขียนผ่านเกณฑ์เข้าสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกตามลำดับที่ และประกาศมากกว่าตำแหน่งที่ว่าง 10% เพื่อให้มีลำดับสำรอง ผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมดต้องเข้ารับการอบรมเป็นเวลา 2 เดือน หลังการอบรมจะประเมินผลอีกครั้ง หากไม่ผ่านการประเมิน ก็จะเลื่อนผู้ที่ขึ้นบัญชีในลำดับสำรองขึ้นมาแทนที่ โดยจะมีระยะเวลาขึ้นบัญชี 2 ปี คาดว่าจะเริ่มใช้หลักเกณฑ์ใหม่ในการคัดเลือกผู้อำนวยการสถานศึกษาเพื่อบรรจุทดแทนอัตราเกษียณในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 นั้นว่า ตนเห็นด้วยที่จะต้องมีการปรับเกณฑ์การคัดเลือก

ผู้อำนวยการสถานศึกษาใหม่ ซึ่งส่วนตัวไม่ห่วงเรื่องการสอบข้อเขียน เพราะผู้ที่จะมาสอบต้องอ่านหนังสือและเตรียมความพร้อมอย่างหนักอยู่แล้ว แต่ที่อยากให้เพิ่มเติมคือ คัดผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารมาเป็น

ผู้อำนวยการสถานศึกษา ไม่ใช่ให้ครูสามารถสมัครสอบได้เหมือนที่ผ่านมา ทำให้เกิดปัญหา ได้รองผู้อำนวยการและผู้อำนวยการสถานศึกษาที่ขาดประสบการณ์ ซึ่งเมื่อขาดประสบการณ์ ก็มองงานไม่ออก บอกงานไม่ได้ บริหารงานไม่เป็น กระทบต่อคุณภาพการศึกษา

นายกล้าศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา คุณสมบัติผู้เหมาะสมควรต้องมีประสบการณ์บริหารงานมาไม่น้อยกว่า 10 ปี และต้องดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษามาก่อน เพื่อให้มีประสบการณ์เรื่องการปกครองคน ไม่ใช่เป็นครูไม่กี่ปีแล้วก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษาเลย เพราะสอบข้อเขียนผ่านเท่านั้น อีกทั้งยังควรต้องมีการดำรงตำแหน่งไล่ตามขนาดโรงเรียน ตั้งแต่โรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เพราะการบริหารโรงเรียนแต่ละขนาดมีความแตกต่างกัน อย่างการบริหารโรงเรียนขนาดใหญ่ จะมีปัญหามากกว่าโรงเรียนขนาดเล็ก ทั้งเรื่องคนและงบประมาณ หากเกิดความผิดพลาดจะทำให้เกิดผลเสียได้

Advertisement

นายวิสิทธิ์ ใจเถิง ผู้อำนวยการโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะมีการปรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้อำนวยการสถานศึกษา โดยให้ผู้ที่จะมาเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษามีประสบการณ์ด้านการบริหารงานพอสมควร ไม่น้อยกว่า 8 ปี และหากเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดใหญ่ควรกำหนดคุณสมบัติให้ต้องผ่านการดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษามาก่อนด้วย ส่วนโรงเรียนขนาดกลาง และขนาดเล็ก ก็ต้องมีประสบการณ์ด้านการบริหาร ส่วนที่จะให้ผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมดต้องเข้ารับการอบรมเป็นเวลา 2 เดือน หลังการอบรมจะประเมินผลอีกครั้ง หากไม่ผ่านการประเมิน ก็จะเลื่อนผู้ที่ขึ้นบัญชีในลำดับสำรองขึ้นมาแทนที่นั้น ตนไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้เกิดการแข่งขันแก่งแย่ง การอบรมควรเป็นการพัฒนาศักยภาพและสร้างเครือข่าย ไม่ใช่ต้องมาอบรม และเข้ารับการประเมินผ่าน ไม่ผ่านอีกรอบ

ด้านนายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หากหลักเกณฑ์ใหม่เป็นไปตามนี้เชื่อว่าจะสามารถคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาที่ดี มีความรู้ และประสบการณ์เข้ามานั่งบริหารโรงเรียน ต่อไปคนที่คิดจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ต้องเตรียมตัวสั่งสมประสบการณ์ ถึงจะมีสิทธิสมัคร ไม่เหมือนการคัดเลือกที่ผ่านมา ที่เป็นระบบไต่เต้า ไม่มีการประเมินความเหมาะสมก่อนเข้ารับตำแหน่ง ทำให้ได้คนที่ไม่มีความสามารถเพียงพอ ที่สำคัญไม่มีประสบการณ์ทางงานบริหารมาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ทำให้ครูทิ้งห้องเรียน มุ่งเรียนเพื่อให้ได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งเท่านั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image