‘พุทธะอิสระ’หอบหลักฐานโร่กองปราบแจงโครงการปลูกป่าอ.แม่วาง เหน็บ’ธรรมกาย’หาเรื่องให้เสื่อมเสีย (คลิป)

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 4 สิงหาคม ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.วิวรรธน์ หลีเกษม รองสารวัตร (สอบสวน) กก.4 บก.ป.เพื่อนำเอกสารหลักฐานและรายละเอียดโครงการลูกปลูกป่าให้พ่อ รวมทั้งภาพถ่ายกรณีที่เข้าไปปลูกป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติบ้านใหม่วังผาปูน ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ และในผืนป่าแห่งอื่นตามโครงการดังกล่าว มามอบให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณาดำเนินคดี หลังจากเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา นายโลมิรันดร์ บุตรจันทร์ ประธานชมรมคนยอมตายเพื่อพระพุทธศาสนา ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีพระสุวิทย์ ในความผิดฐานบุกรุกป่าสงวนฯ

พระสุวิทย์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากนายโลมิรันดร์ ได้ทำหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษยื่นต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับอาตมา โดยกล่าวหาว่าบุกรุกเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนฯ จากการทำโครงการลูกปลูกป่าให้พ่อ ซึ่งทำมาอย่างต่อเนื่อง จึงมาแสดงเอกสารหลักฐานต่างๆ และรายละเอียดของการดำเนินโครงการนี้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อพนักงานสอบสวน โดยขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนในการพิจารณา และหากเป็นความผิดยินยอมให้ดำเนินคดีเพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้องต่อสังคม

“การเคลื่อนไหวที่ผ่านๆมา อาตมาขอตั้งข้อสังเกตว่ามักจะมีกลุ่มชมรมแปลกๆ ที่ทางวัดพระธรรมกาย พยายามจัดตั้งขึ้นมาคอยหาเรื่อง สร้างความเสื่อมเสียให้อาตมา โดยตลอด ซึ่งในส่วนนี้คงต้องมีการตอบโต้กลับไปบ้างโดยจะมีการฟ้องร้องกลับในความผิดฐานแจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาท ที่ ศาลอาญา ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้” เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย กล่าว

พระสุวิทย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของโครงการลูกปลูกป่าให้พ่อ นั้น เป็นโครงการที่คิดและทำขึ้นเพื่อรักษาป่าไม้ให้ลูกหลาน อาตมาได้ร่วมกับทางกรมป่าไม้และชาวบ้านดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2528 ทำมาแล้วในหลายพื้นที่ เดิมพื้นที่ซึ่งเข้าปลูกป่าส่วนใหญ่จะเป็นเขาหัวโล้น จึงนำไม้ยืนต้นเข้าไปปลูกเพื่อให้ผืนป่ากลับมาเขียวชอุ่มเหมือนเดิม ก่อนจะคืนพื้นที่ให้กับทางกรมป่าไม้ ไม่ว่าจะเป็นที่ จ.กาญจนบุรี จ.เชียงใหม่ หรือในอีกหลายๆ พื้นที่ นอกจากนี้ยังเป็นการจัดทำโครงการเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลด้วย แบบนี้หรือที่เรียกว่าเป็นการบุกรุก อีกทั้งโครงการส่วนใหญ่ที่ทำ ก็จะมีการลงนามในบันทึกความร่วมมือ หรือเอ็มโอยู กับทางกรมป่าไม้ แต่ก็มีบางแห่งเท่านั้นที่ไม่ได้ลงนามเป็นลายลักษณ์อักษร

Advertisement

พระสุวิทย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าทุกครั้งที่จะทำโครงการ จะมีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ หรือข้าราชการประจำในท้องถิ่น และชาวบ้านในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่าเป็นสักขีพยานด้วยทุกครั้ง แต่กลับมีคนบางกลุ่มคิดว่าอาตมาบุกรุกป่า ใช้พื้นที่สร้างโรงงานผลิตสมุนไพร หาผลประโยชน์ใส่ตัว ซึ่งอาตมาขอยืนยันว่าทุกโครงการที่ทำไม่เคยทำเพื่อหาประโยชน์ใส่ตัวแต่อย่างใด ในทางกลับกันวัดพระธรรมกายต่างหากที่มีการรุกล้ำพื้นที่ป่าไปใช้จัดสร้างรีสอร์ต บ้านพักหรู อีกทั้งยังมีการออกเอกสารสิทธิเป็นชื่อของพระเทพญาณมหามุนี หรือหลวงพ่อธัมมชโย แต่อาตมาไม่เคยมีการออกเอกสารสิทธิหรือมีชื่อไปเกี่ยวข้องใดๆ เลย

ด้าน ร.ต.อ.วิวรรธน์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำพระสุวิทย์ ไว้แล้ว โดยจะมีการพิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆ และนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image